28 กุมภาพันธ์, 2555

Lime and Basil Macarons With Lime and Basil Curd





Lime and Basil Macarons With Lime and Basil Curd


ยังอยู่ที่มาการองค่ะ อย่างที่บอกยิ่งทำยิ่งหลงรักเจ้าขนมชิ้นเล็กๆนี่ทำทุกรอบสนุกทุกรอบสำหรับรอบนี้ของลองรสชาติใหม่ๆดูบ้างสูตรจาก Pierre Herme' เล่มเดิมค่ะ วันนี้เป็นเบซิ่ล มาการอง ที่ต้องบอกว่าก่อนทำเราก็แอบคิดว่ารสชาติจะเป็นไงแม้ว่าจะเป็นคนที่ชอบกินโหระพาอยู่แล้วนะแต่ก็แอบกลัวว่าจะกินไม่ได้ 555+
พอลองทำแล้วได้สีถูกใจมากๆด้วยแถมทานกับ เคิร์ดโหระพา(ที่แอบปรับสูตรเอง)ส่วนตัวคิดว่ามันเข้ากันมากๆหอมทั้งโหระพาและมะนาวค่ะเปรี้ยวหน่อยๆเลิฟๆอีกแล้วมีใครอยากลองบ้างไหมคะ อิ อิ 


ส่วนผสม (สำหรับ 1/3 สูตร)



- ground almonds............................ 75 g
- icing sugar.............................75 g
- egg whites.....................45 g
- food colouring (สีเหลือง และ สีเขียว)......................2 - 3 หยด


- caster sugar.......................75 g
-  egg whites.....................28 g
- water....................18 g

- ปั่นอัลมอนต์ + น้ำตาลไอซิ่ง ให้ละเอียด แล้วร่อนรวมกันในอ่างผสม  เทไข่ขาวและ food colouring ลงไป ใช้ที่ตัดแป้งหรือพายยางคนให้เข้ากัน พักไว้



- น้ำตาล+ น้ำเปล่า ใส่หม้อตั้งไฟ วางเทอร์โมมิเตอร์ พอน้ำตาลมีอุณภูมิได้ 115 ํc ให้เริ่มตีไข่ขาวจนเริ่มตั้งยอดอ่อน ซีรัปมีอุณภูมิ 118 ํc ยกลงจากเตาแล้วค่อยๆเทลงในไข่ขาวจนหมด ระหว่างเทซีรัปก็ตีไข่ขาวไปเรื่อยๆจนเมอร์แรงค์เริ่มเย็นอุณหภูมิประมาณ 50 ํ c




 - แล้วน้ำส่วนของเมอร์แรงค์ไปผสมกับส่วนของอัลมอนต์แบ่งผสมสองครั้ง ส่วนผสมที่ได้จะไม่ข้นมาก






- เสร็จแล้วก็นำใส่ถุงบีบ บีบลงบนกระดาษรองอบ หลังจากบีบเสร็จจับถาดกระแทกลงบนโต๊ะแรงๆเลยค่ะเพื่อไล่ฟองอากาศ และ พักไว้อย่างน้อย 30 นาที จนผิวหน้าของมาการองเริ่มแห้งแล้วจึงนำเข้าอบ ด้วยอุณหภูมิ 180 ํc ประมาณ 10 - 12 นาที แล้วแต่เตาใครเตามันนะคะ



ส่วนไส้จะเป็น เบซิ่ล + lime ค่ะ หอมๆ เปรี้ยวๆ อร่อยดี อินปรับสูตร(มั่วๆเอง)มากจากของ ปิแอร์ นะคะ ของปิแอร์จะเป็น เบซิ่ล + lime cream (เพื่อนเห็นแล้วบอกว่าสีเหมือนสังขยาใบเตยเลย กร๊ากกกกกกก)










19 กุมภาพันธ์, 2555

ในอุ้งมือรัก Stranger In My Arms – by……Lisa kleypas







ในอุ้งมือรัก Stranger In My Arms by……lisa  kleypas


งานของ ลิซ่า  เล่มล่าสุดที่หยิบขึ้นมาอ่านค่ะเล่มนี้แปลโดย สนพ ฟองน้ำ อีกเช่นเคยที่ เปลี่ยนชื่อทั้งเรื่อง ตัวละคร และ คนแต่ง ตามสไตล์แหละ เล่มนี้ความหนาของหนังสือ ไม่เท่าไหร่ อ่านได้เพลินๆค่ะ ตอนเปิดอ่านบทแรกแอบตกใจ เพราะเปิดไปก็เจอหน้า 10 เลยนึกว่าหนงสือหน้าหายไป ที่ไหนได้ อ่อ เขานับรวมกันทุกหน้าตั้งแต่คำนำสำนักพิมพ์ด้วยมีแอบใจแป้วค่ะเพราะหนังสือค่อนข้างหายาก ไม่รู้จะไปเปลี่ยนที่ไหนเหมือนกัน เกิดหนังสือหน้าหายไปเนี่ยเดี๋ยวอารมณ์ค้าง อิ อิ

หลังจากการเสียชีวิตของสามีฮัมฟรีย์ เอิร์ลแห่งฮอว์คเวิร์ธนั่นทำให้การแต่งงานระหว่างเขาและเธอสิ้นสุดลง ลาลิซซ่าไม่ต้องทนอยู่กับชีวิตแต่งงานที่ปราศจากความรัก และขมขื่น ฮัมฟรีย์เลือกเธอมาเป็นภรรยาเพียงเพราะว่าเขาต้องการผลิตทายาท และ ภรรยาสำหรับเขาคือตัวน่ารำคาญ หลังจากเขาจากไปอินเดียเพื่อปฏิบัติหน้าที่ลาลิซซ่าบอกกับตัวเองว่าเธอยินดีที่เขาจากไป และเธอเคยคิดด้วยความรู้สึกผิดว่าไม่อยากให้เขากลับมา แต่ตอนนี้หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปบัดนี้มีข่าวลือว่าฮัมฟรีย์ฟื้นจากความตายและกลับมาหาเธอในขณะที่ลิซซ่าไม่อยากจะเชื่อข่าวลือและเป็นไปไม่ได้ที่สามีของเธอจะฟื้นจากความตายนอกจากจะมีคนมาสวมรอยเล่นตลกปลอมตัวเป็นสามีของเธอ

แต่หลังจากจากปรากฏกายของสามีที่เคยเชื่อว่าเขาได้ตายไปแล้วความรู้สึกของลิซซ่ากลับไม่รู้ว่าเขาคือคนแปลกหน้า หรือ สามีที่เธอเกลียด เพราะเขาเหมือนสามีเธอเหลือเกิน  เรียกว่าเหมือนอย่างกับแกะกันเลยทีเดียวแต่สิ่งที่ทำให้ลิซซ่าอดแปลกใจม่ได้นั่นก็คือสามีเธอมักจะขอโทษและสำนึกผิดเสมอเมื่อเขารับรู้ว่าในอดีตนั้นไม่เคยสนใจภรรยาอย่างเธอเลย ฮัมฟรีย์คนก่อนไม่แม้แต่ที่จะสนใจความรู้สึกของเธอ แต่ตอนนี้เขาทำให้เธอชักไม่ไว้ใจตัวเองซะแล้วว่าความรู้สึกตอนนี้เธอยังจะเกลียดเขาอยู่อีกไหม

อืมจริงๆพล็อตไม่ลึกลับซับซ้อนขนาดนั้นหรอกค่ะหลายๆคนอาจจะพอเดาๆออกด้วยซ้ำว่าเป็นยังไงแต่....เรานิสัยไม่ดีอยู่อย่างที่สงสัยไปอ่านไปคือ(สปอยล์)คนที่หน้าตาเหมือนกันมากๆสองคน จะเหมือนกันได้มากขนาดนี้เลยเหรอ เหมือนซะจน ภรรยาจำสามีตัวเองไม่ได้ซะขนาดนั้น แต่มันก็คือนิยายใช่มั้ย 555+ - แต่จุดพลิกผันของเรื่องนี้จะอยู่ที่ตัวของลิซซ่าเองที่จะเป็นคนกำหนดชีวิตทั้งของเธอเองและฮัมฟรีย์ว่าเธอยัง(สปอยล์)จะต้องการให้เขาอยู่เคียงข้างเธอตลอดไปไหมหรือจะปล่อยเขาไปหลังจากที่เรื่องจริงปรากฏขึ้นมาว่าเขาคือน้องชายต่างมารดาของสามีเธอที่เข้ามาสวมรอยในครั้งนี้  ลิซซ่าจะทำตามหัวใจของตัวเอง หรือ เพื่อความถูกต้อง
ส่วนตัวแล้วตอนอ่านแอบเอาใจช่วยฮัมฟรีย์คนใหม่นะคะ 
แอบลุ้นตามอยู่ห่างๆซะงั้นสิ อิ อิ นางเอก ไม่ยอมง่ายๆเพราะประสบการณืไม่ค่อยดีกับนิสัยสามีในอดีต เลยเกร็ง และ กลัว ว่ามันจะเป็นเหมือนเดิมแต่ระดับพระเอก ฮัมฟรีย์คัมแบ็คแบบนี้มีรึจะเสียชื่อจัดหนักไปซะ แต่กว่าจะได้จัดหนัก ฮึ่ยยยย ลุ้นอยู่นาน กร๊ากกก อย่างที่บอกไปว่าเล่มนี้สไตล์งานของลิซ่า เคลแพสย์ เธอล่ะค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ ถ้าได้คนแปลดีกว่านี้จะดีมากกกกกอยากให้แก้วกานต์ เอามาพิมพ์ใหม่จริงๆสำนวนคงโอเคกว่านี้หน่อย เรื่องนี้ตอนอ่านไปแล้วจะมีประเด็นที่(สปอยล์)ตอนที่พระเอกไปสักสัญลักษณ์รูปแมงป่องไว้ที่ต้นแขนด้านใน นึกว่าเธอจะไม่หยิบประเด็นนี้มาเขียนต่อเหมือนในหนังสือหลายๆเล่มของเธอซะแล้วไม่งั้นได้ งง อีกว่าจะใส่ประเด็นนี้มาทำไม แต่สุดท้ายก็เขียนค่ะ แถมเป็นหลักฐานชิ้นงามที่ทำให้พระเอกโชคดีซะด้วย ค่อยหายข้องใจหน่อย อิ อิ

17 กุมภาพันธ์, 2555

นางฟ้าจอมแก่น Goddess Of The Hunt – by…..Tessa Dare



- นางฟ้าจอมแก่น Goddess Of The Hunt – by…..Tessa Dare

- สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

-  หนังสือแนว hisorical romance

- ผู้แปล ศากุน

- จำนววนหน้า 374 หน้า



นางฟ้าจอมแก่น Goddess Of The Hunt – by…Tessa Dare


สำหรับเล่มนี้ได้มาอยู่ในมือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะพอได้มาปุ๊บก็รีบอ่านเลยเพราะอยากอ่านมาก ถึงขนาดไม่ยอมอ่านตัวอย่างที่ลงในเวบ สนพ เลยนะ อยากเอาไว้ลุ้นเอง อิ อิ ได้ยินคำร่ำรือมาว่าพล็อตสนุก น่ารักซึ่งแค่นี้ก็พอจะทำให้เราไม่รอช้าที่จะรีบหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่านทันใด แต่เชื่อไหมว่าเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องนึงที่เราใช้เวลาในการอ่านนานถึง 5 วันเชียว!! ทั้งๆที่หนังสือเล่มไม่หนาเลยค่ะมาตรฐานรูปเล่มทั่วๆไปแต่..ทำไมถึงใช้เวลานานขนาดนั้น

เมื่อเด็กสาวที่ช่างฝันและรักการผจญภัย อย่างลูซี่ วอลแธม ตัดสินใจที่จะยั่วยวนโทบี้ชายหนุ่มที่เธอแอบหลงรักมาแสนนานก่อนที่เขาจะหมั้นหมายกับหญิงอื่นและแผนการทำลายการหมั้นของโทบี้ก็เป็นหนึ่งในแผนการที่เธอคิดไว้ เธอจะต้องทำให้เขาหันมาสนใจในตัวธอให้ได้ แต่ก่อนที่เธอจะลงมือสำหรับการยั่วยวนนั้นลูซี่ต้องหาคนที่จะมาช่วยในการฝึกฝนวิธีการนั้นซะก่อนตัวเลือกของลูซี่ก็คือเขาเจเรมีเทรสค็อต เอิร์ลแห่งเคนดอลล์และเขาทั้งคู่ก็คือเพื่อนของพี่ชายเธอเอง 

บทเรียนแรกของลูซี่เกิดขึ้นเมื่อเธอไปเคาะประตูห้องของเจเรมีเพื่อทดลองกับการจูบครั้งแรกซึ่งลูซี่คิดว่ามันน่าจะได้ผลความตั้งใจของลูซี่ที่ต้องการจะยั่วยวนนั้นกลับตาลปัดทุกครั้งและต้องมีเหตุให้เรื่องต่างๆผิดพลาดไปซะหมด ดังนั้น ลูซี่เองจึงคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้(อีกนั่นแหละ)ว่าเธอจะต้องสร้างอุบายขึ้นเพื่อทำให้โทบี้เกิดความหึงหวงในตัวเธอให้ได้และหนึ่งในแผนการที่จะต้องร่วมมือกับลูซี่นั่นก็คือเจเรมี่ยังไงเขาจะต้องยอมช่วยเธอโดยเขาจะต้องแกล้งจีบและหลงไหลในตัวของเธออย่างมากมายและลูซี่ก็พบว่าแผนการนี้ช่างเข้าท่ามากยิ่งนักเมื่อการที่เธอคิดว่าจะได้กวนประสาทผู้ชายที่ช่างอมทุกข์อย่างเจเรมี นั่นคงทำให้เธอมีความสุขมาก

แต่ไม่ใช่ลูซี่คนเดียวหรอกนะที่คิดแผนการนี้ขึ้นมาได้เมื่อทั้งพี่ชายของเธอและโทบี้เองอยากให้ลูซี่ล้มเลิกความคิดเพ้อฝันแบบเด็กๆที่มีต่อเขา ฉะนั้นมันเป็นทางเลือกที่ดีที่จะให้เจเรมี่เข้าไปเบี่ยงเบนความสนใจของลูซี่โดยการที่เขาต้องแกล้งจีบลูซี่นั่นแหละ  แน่นอนว่าเจเรมีไม่ยอม สุดท้ายแล้วแผนการนั้นก็ดำเนินต่อไปโดยเจเรมีคือผู้รับหน้าที่นั้นไป(ไม่รู้จะปฏิเสธทำไมอะเนอะ กร๊ากกก) ตาการได้อยู่ใกลชิดกับลูซี่เธอทำให้การควบคุมตัวของเขาลดน้อยลงไปทุกทีแม้แต่ตอนกลางคืนที่ลูซี่กำลังตามไปทรมานเขาในความฝันและเธอกำลังจะให้เขาเป็นบ้าและเขาคิดว่าเกมส์นี้ไม่ควรจะดำเนินต่อไป แต่เมื่อเรื่องที่คาดไม่ถึงถูกเปิดเผยออกมาเจเรมีต้องปกป้องผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นตัวปัญหาสำหรับเขาแม้ว่าเธอจะพยายามปฏิเสธก็ตาม

อย่างที่บอกไว้ตอนต้นค่ะว่าเรื่องนี้เราใช้เวลาในการอ่านหลายวันเลยทีเดียวทั้งๆที่พล็อตประมาณนี้น่าจะโอเคสำหรับเราแต่อ่านไปแล้วหลายๆประเด็นไม่ได้ทำให้เรามีความรู้สึกว่าอินไปกับสิ่งนั้นเหมือนมันยังไม่สุดค่ะ สำหรับความลับเกี่ยวกับตัวพระเอกที่เราคิดว่ามันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรขนาดนั้น หลายช่วง(สำหรับเรา)น่าเบื่อมาก ไม่รู้ว่าเราหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านถูกที่แต่ผิดเวลาหรือเปล่านะคะเลยทำให้ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ เคยหวังไว้ว่ามันจะสนุกกว่านี้มากๆหรือเราเฉยๆกับคาแร็คเตอร์ของนางเอกประมาณ แก่นๆ โก๊ะๆ เอาแต่ใจ คิดอะไรแบบเด็กๆมากเกินไปก็ได้มั้ง เลยทำให้เราอ่านไม่ลื่นปรื๊ดเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้แอบขำนางเอกนะ ปากเธอก็บอกว่าเธอเกลียดว่าที่คู่หมั้นของโทบี้และเธอจะไม่มีทางเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ สุดท้ายทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันซะงั้นน่ะ อิ อิ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าจะไม่ลองอ่านนะคะ บางทีอาจจะชอบมากๆก็ได้ 

สำหรับนางเอกของเล่มต่อไปปรากฏตัวในเล่มแรกนี่เเล้วค่ะก็คือโซเฟียเพื่อนสนิทโดยไม่ได้ตั้งใจของลูซี่ที่(ส่วนตัว)คิดว่าโซเฟียเป็นคาแร็คเตอร์ที่น่าเบื่อมากกกกกกเท่าที่เห็นในเล่มแรกนี้แบบว่าเธอก็ชวนให้น่าเบื่อแล้วค่ะ ไม่รู้นะว่าในเล่มของเธอเองจะเป็นยังไงบ้าง

15 กุมภาพันธ์, 2555

Chicken Farm Baker's Project # 41 : Makeover Bread Pudding ~ Cherry, Rose and Coconut Ice Cream with Blueberry Bun Caramel Pudding









Chicken Farm Baker's Project # 41 : Makeover Bread Pudding ~ Cherry, Rose and Coconut Ice Cream with Blueberry Bun & Caramel Pudding 

กาบ้านฟาร์มไก่ประเดือนมาแล้วค่ะ คงไม่ต้องต้องบอกใช่ไหมว่าได้บ๊วยยยยมาครองอย่างสมเกียรติ กร๊ากกกก โจทย์เดือนใหม่มาแล้วอันเก่ายังไม่ได้ส่งแบบนี้ชักไม่ไหว 555+ ทั้งๆที่เมนูนี้ทำและกินหมดไปจนเห็นร่องรอยนานแล้ว ขอบอกว่าชอบไอติมรสนี้จังสูตรนี้แนะนำโดย คุณยา ค่ะ อร่อยและลงตัวมากๆ ขนาดว่าส่วนตัวอินไม่ค่อยชอบกลิ่นกุหลาบเท่าไหร่เลยนะแต่ไอติมกะทิเชอรี่อันนี้ทำแล้วไม่พอค่ะ ต้องมีเบิ้ลรอบสอง กรั๊กๆ สูตรต้นฉบับมาจาก tarteletteblog.com ค่ะ 
สำหรับไอติมเราทำรอบสองไปแล้วคอนเฟิร์มว่าอร่อยมากๆ

ส่วนขนมปังตามคอนเซปของโฮสวันนี้เป็น Blueberry Bun สูตรจากหนังสือ a piece of cake by leila lindholm http://www.amazon.co.uk/Piece-Cake-Leila-Lindholm/dp/1847734456 ขนมปังนิ่มมากกกชอบเลยค่ะทำไม่ยากด้วย วันนี้อินทำแค่ครึ่งสูตรค่ะ เอามาทำเบรดพุดดิ้งอร่อยมากกกกก5555+ ไม่ได้โม้นะแถมพุดดิ้งมีส่วนของคาราเมลที่ส่วนตัวแล้วชอบมากๆเข้ามาเพิ่มเติมความอร่อยแล้วยิ่งกรี๊ดดดด ซึ่งปกติแล้วเบรดพุดดิ้งเป็นอะไรที่เราไม่ค่อยชอบกินเท่าไหร่เลย แต่รอบนี้ต้องยอมค่ะ เพราะถูกใจมากๆ 

ส่วนของ Cherry, Rose and Coconut Ice Cream (ขอลอกคุณยามาเลยนะคะ)

ชอรี่น้ำเชื่อมกุหลาบ
1 cup เชอรี่หั่นครึ่งเอาเม็ดออก
1/4cup น้ำ
1 ชต. น้ำมะนาว
½ cup น้ำตาล
6-8 ดอกกุหลาบ (gradedried rose buds หรือตามชอบ)

ไอติมกะทิ
1 cups (250ml) ครีม
1 cup (250ml) นม
1 cup (250ml) กะทิ
1 cup (200gr) น้ำตาล

- เชอรี่ล้างเอาเม็ดออกใส่ทุกอย่างลงในหม้อน้ำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ยกลง ตักเอากุหลาบออกพักส่วนของเชอรี่ไว้ให้เย็น


 - ส่วนของไอติม เท ครีม + นม + กะทิ + น้ำตาล ลงในหม้อนำขึ้นตั้งไฟจนเริ่มเดือดน้ำตาลละลายแล้วยกลงจากเตาพักให้เย็นแลวแช่ตู้เย็นข้ามคืน แล้วค่อยนำไปปั่นในเครื่องทำไอติมค่ะ


ส่วนของ Blueberry Bun 

- นม..........................300 ml
- ยีสต์.......................1 tbsp
 - น้ำตาล.....................65 g
- เกลือ.................1/4 tsp
- เนย(อุณหภูมิห้อง)..........................75g
- ไข่.....................1
- แป้งขนมปัง........................360g
- ไข่ + นมสด.................สำหรับทาหน้าก่อนอบ
- อัลมอนต์สไลด์.......................สำหรับโรยหน้าก่อนอบ


Blueberry Filling

- เนย(นิ่ม)........................100g
- น้ำตาลทรายสีรำ.................90g
- ซินนาม่อน....................1/2 tbsp
- บลูเบอรี่ สด หรือ แช่แข็ง.....................55g
-ไอซิ่ง..........................1tbsp
- แป้งข้าวโพด........................1tbsp

- อุ่นนมในไมโครเวฟให้พออุ่นๆแล้วเติม ไข่ลงไปผสมพอเข้ากัน ร่อนแป้งขนมปังลงในชาม ใส่ยีสต์+ น้ำตาลทราย + เกลือลงไป แล้วเทนมที่ผสมกับไข่ลงไปนวดจนจับตับกันเป็นก้อน เติมเนยสดลงไปนวดให้เข้ากันจนเนียน พักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือแป้งขึ้นเป็นสองเท่า


- พอพักแป้งครบเวลาแล้วผสมส่วนของฟิลลิ่งบลูเบอรี่โดย ผสมเนย + น้ำตาลทรายสีรำ + ซินนาม่อน  ผสมไอซิ่ง + เเป้งข้าวโพด คนให้เข้ากันเป็นครีม แล้ว ใส่บลูฯลงไปคนให้เข้ากันนำไปทาลงบนแป้งโดว์แล้วโรลเสร็จแล้วตัดแบ่งแป้ง ใส่ลงในพิมพ์มัฟฟิน พักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนนำเข้าอบทาด้วยไข่ผสมนม โรยอัลมอนต์สไลด์ แล้วนำเข้าอบที่ 200 ํC จนขนมปังมีสีเหลืองสวยสนำออกจากเตาพักบนตระแกรงให้เย็น







ส่วนของพุดดิ้ง

- นม...................1/2 cup
- วิปครีม....................1/2 cup
- ไข่.........................2
                     - น้ำตาล.................2 - 3 tbsp(เพิ่มลดได้ตามชอบ)
- คาราเมล.......................80 g

- ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันเสร็จแล้วนำไปราดบนขนมปังโรยลูกเกด แคนเบอรี่แห้งหรือผลไม้อื่นๆตามชอบพักไว้ 3ชั่วโมงขึ้นไปหรือข้ามคืนเสร็จแล้วนำเข้าเตาอบเลยค่ะอบจนสีน้ำตาลสวย ตรงกลางยังพอกระเพื่อมอยู่นิดๆ นำออกจากเตาพักไว้พอให้เย็น จัดเสิร์ฟกับไอติมได้เลยค่ะ



คาราเมลนี่ใส่อะไรก็อร่อยจริงๆ 









12 กุมภาพันธ์, 2555

เจ้าสาวแสนกล The Wedding – by…..Julie Garwood



เจ้าสาวแสนกล  The Wedding – by…..Julie Garwood


เจ้าสาวแสนกลเป็นเล่มที่เคยอ่านค้างไว้ค่ะ และก็เพิ่งนึกได้ว่าค้างไว้เลยต้องหยิบมาอ่านต่อให้จบอย่างที่บอกว่าถ้าของจูลี่ การ์วูด ที่เป็นแนวสก็อตแบบนี้เราสู้ไม่ถอยนะ ชอบย้อนยุคแนวสก็อตของเธอจริงๆสำหรับเล่มนี้ เจ้าสาวแสนกล เป็นเล่มต่อจาก (แรงริษยา) ค่ะ
จากคำขอแต่งงานในวัยเด็กของเบรนน่าที่มีต่อคอนเนอร์ แม็คอลิสเตอร์ในวัยเด็กเขาไม่เพียงเป็นแค่คนที่เบรนน่าขอแต่งงานถึงสามครั้งเท่านั้น แต่ เขาคือคนที่ช่วยชีวิตของเบรนน่าไว้จากอันตรายอย่างแม่หมูและแน่นอนแม้ยักษ์ที่ช่วยชีวิตนางเขาจะปฏิเสธแต่นางก็เชื่อว่าไม่ว่าวิธีใดวิธีหนึ่งนางจะหาทางแต่งงานกับเขาให้ได้ จนเวลาผ่านมาหลายปียักษ์ที่เคยช่วยชีวิตนางและที่นางเคยขอแต่งงานกับเขาบัดนนี้เขากลับมาทวงคำขอแต่งงานนี้จากเบรนน่าซะเองในระหว่างทางที่นางกำลังถูกส่งตัวไปเป็นเจ้าสาวของบารอนแห่งอังกฤษผู้ชั่วร้ายคนนั้นก็คือศัตรูที่เคยทำร้ายพ่อของเขาในอดีต

เพราะเหตุนี้เขาจึงต้องหาทางชิงตัวเจ้าสาวก่อนที่นางจะเดินทางไปถึงเขตแดนของบารอนและตอนนี้เขากำลังทวงคำขอแต่งงานจากอดีตเด็กผู้หญิงที่เขาเคยช่วยชีวิตนางไว้แต่แน่นอนแหละที่เบรนน่าต้องปฏิเสธอยู่แล้ว แต่ในที่สุดคอนเนอรืก็มีวิธีจัดการให้เบรนน่าตอตกลงจนได้ พวกเขาจัดพิธีแต่งงานขึ้นในป่าด้วยความเร่งรีบ เพื่อพวกเขาจะได้รีบเดินทางให้ถึงเขตแดนของคอนเนอร์ในไฮแลนด์ให้เร็วที่สุด และ เบรนน่าพบว่าการที่อยู่ใกล้คอนเนอร์ทำให้นางรู้ว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่เหลือทน(จริงๆแล้วเราว่าเหลือทนทั้งสองคนนั่นแหละ อิ อิ)  คอนเนอร์กำลังคิดว่าการที่เขาต้องอยุ่ใกล้เบรนน่ากำลังทำให้เขาขาดการควบคุมตัวเองซึ่งเขาไม่ชอบมันเอามากๆเขาจะต้องทำให้นางรู้ว่าเขาคือคนที่ออกคำสั่งและเบรนน่าต้องปฏิบัติตาม และเขาจะไม่อ่อนข้อให้นางโดยเด็ดขาด

เล่มนี้ก็แนวคล้ายๆเล่มอื่นของจูลี่เธอค่ะ พระเอก ห้าวๆ ถึกๆ เถื่อนๆ ท่านแลร์ดผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีความรัก และ ไม่คิดว่าจะรักเป็นก็ยอมสยบแทบเท้านางเอก แบบไม่ทันได้รู้เนื้อรู้ตัวจริงๆชอบนางเอกของจูลี่นะคะ คาแร็คเตอร์นางเอกที่แม้มักจะรู้ตัวก่อนพระเอกเสมอว่ามีความรู้สึกยังไงต่อสามี สำหรับเราอาจะเรียกได้ว่าเป้นการหยิบงานของจูลี่ขึ้นมาอ่านได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆเพราะอ่านแล้วเราชอบงานย้อนยุคแนวสก็อตของเธอมากๆซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ชอบอ่านแนวสก็อตเลย(ประเด็นนี้เพิ่งคุยกับเพื่อนไปค่ะ) สำหรับเราถ้าได้อ่านก่อนหน้านี้อาจจะไม่ชอบขนาดนี้ก็ได้ เล่มที่ทำให้เราเทใจให้แนวสก็อตของจูลี่อย่างมากมายก็คือ แรงริษยานั่นเอง ไม่ไหวแล้วเป็นอะไรที่ชอบมากกกก เพิ่งเห็นด้วยว่าทางแก้วนกานต์จะรีพริ๊นท์แรงริษยาใหม่ ดีใจมากค่ะ ขอเป็นแม่ยกเชียร์เล่มนี้ออกหน้าออกตาหน่อยนะ อิ อิ 

10 กุมภาพันธ์, 2555

Coffee Macaron with White Chocolate Coffee & Caramel Ganache




ครั้งแรกกับอิตาเลี่ยนมาการองค่ะ ตื่นเต้นจริง กร๊ากกกกก ก่อนหน้านี้เคยทำนะคะสำหรับอิตาเลี่ยนเมอร์แรงค์เนี่ย แต่ไม่รอดอ่ะ ชีช้ำมาก(เพราะหลายรอบ)ไม่ใช่รอบเดียวนี่สิ 555+ ได้แต่หวังอยู่ในใจว่าซักวันเราคงจะหากันจนเจอบ้างล่ะน่า ที่จะทำออกมาแล้วมันได้ดั่งใจไม่แป๊กตกม้าตาย แล้ววันนั้นก็มาถึง เมื่อได้หนังสือมาจากอิป้า ณ เชียงใหม่ แต้งๆนะป้า^^! เพราะงั้นเลยไม่รอช้ารีบคว้าไข่(ออกมาจากตู้เย็น)วัดดวงกันอีกซักรอบดิ๊ ว่ามันจะกินแห้วอีกมั้ย ขนมบ้าไรไม่รู้เอาใจยากขนาดนี้ แต่ก็ไม่เลิกยุ่งกะมันทำๆไปจนกว่าจะตายกันไปข้างนึงเอาเซร่!! กร๊ากกกก ให้มันรู้กันไป

สำหรับรอบนี้อินเลือกทำรสกาแฟค่ะ กาแฟเวลาเอามาทำมาการองนี่มันอร่อยจังเลย หอมมากๆยิ่งเวลากัดเข้าไปพร้อมกับไส้กานาชแล้วมันยิ่งสวดยอดดดดอ่ะ เข้ากันมากกก ไม่ได้เว่อร์นะคะท่านผู้โช้มมม ขนาดปกติเราไม่กินกาแฟนะ (และจะบอกว่าหลงเสน่ห์กลิ่นหอมๆของกาแฟมากๆเช่นกัน) แต่สำหรับเจ้ามาการองนี้ต้องยอมเลยถูกใจมากๆ กลิ่นกาแฟตลบอบอวนพร้อมกับไส้คาราเมล ไวท์ช็อคฯ และ กาแฟร 3 in 1 ขนาดเน้ ใครจะปฏิเสธได้ลง

สำหรับไส้ที่ทำวันนี้เป็นการจับทุกอย่างมารวมกัน ทั้ง คาราเมล กาแฟ และ ไวท์ช็อคโกแลต ค่ะ ถึงทำให้ถูกใจเรามากๆ และ มาการอง รอบนี้อินทำไปแค่ 1/3 ของสูตรนะคะ แค่ 1/3 สูตรนี่ก็หลายหลายคู่แล้วค่ะยี่สิบกว่าคู่กันเลยนะ  Coffee Macarons by Pierre Herme' เล่มนี้ค่ะ

ส่วนผสม (สำหรับ 1/3 สูตร) 

- ground almonds............................ 75 g
- icing sugar.............................75 g
- egg whites.....................45 g
- coffee powder.......................8 g

+

- caster sugar.......................125 g
- water....................32 g
- egg whites.....................35 g


- ปั่นอัลมอนต์ + น้ำตาลไอซิ่ง ให้ละเอียด แล้วร่อนรวมกันในอ่างผสม  เทไข่ขาวและผงกาแฟลงไป ใช้ที่ตัดแป้งหรือพายยางคนให้เข้ากัน พักไว้



- น้ำตาล+ น้ำเปล่า ใส่หม้อตั้งไฟ วางเทอร์โมมิเตอร์ พอน้ำตาลมีอุณภูมิได้ 115 ํc ให้เริ่มตีไข่ขาวจนเริ่มตั้งยอดอ่อน ซีรัปมีอุณภูมิ 118 ํc ยกลงจากเตาแล้วค่อยๆเทลงในไข่ขาวจนหมด ระหว่างเทซีรัปก็ตีไข่ขาวไปเรื่อยๆจนเมอร์แรงค์เริ่มเย็นอุณหภูมิประมาณ 50 ํ c







- แล้วน้ำส่วนของเมอร์แรงค์ไปผสมกับส่วนของอัลมอนต์แบ่งผสมสองครั้ง ส่วนผสมที่ได้จะไม่ข้นมาก



- เสร็จแล้วก็นำใส่ถุงบีบ บีบลงบนกระดาษรองอบ หลังจากบีบเสร็จจับถาดกระแทกลงบนโต๊ะแรงๆเลยค่ะเพื่อไล่ฟองอากาศ และ พักไว้อย่างน้อย 30 นาที จนผิวหน้าของมาการองเริ่มแห้งแล้วจึงนำเข้าอบ ด้วยอุณหภูมิ 180 ํc ประมาณ 10 - 12 นาที แล้วแต่เตาใครเตามันนะคะ 






- ก่อนนำเข้าอบโดรยผงกาแฟลงไปอีกนิดค่ะ หอมมากกกกกแล้วก็ส่งเข้าเตาอบเลยค่ะ



 









LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...