27 มีนาคม, 2555

ผู้พิทักษ์หัวใจ To Die For - by…..Linda Howard





อย่างที่เคยบอกไปค่ะว่าเมื่อไม่รู้จะอ่านเรื่องไหนดีขอหยิบของลินดามาอ่านก่อนแบบไม่ต้องคิดเยอะเลยสำหรับเราได้ผลดีนักเพราะพล็อตของเธอน่าติดตามเกือบทุกเล่มเลยค่ะ และ แน่นอนพระเอกก็ต้องเป็นตำรวจและอัลฟ่ามากๆและเราไม่ยักกะเบื่อแฮะ อิ อิ

สำหรับอดีตเชียร์ลีดเดอร์สมัยไฮสคูลอย่าง แบล์ มัลลอรี ที่ตอนนี้คือเจ้าของเกรทบอดส์ฟิตเนตเซ็นเตอร์ที่ดีที่สุดในเมืองและรถเปิดประตูอีกหนึ่งคันนี่คือสิ่งที่เธอได้รับหลังจากที่แบลล์ต้องฟ้องหย่ากับอดีตสามีที่เธอบังเอิญจับได้ว่าเขาแอบจูบกับน้องสาวของเธอเองจนถึงตอนนี้ห้าปีหลังจากที่แบล์ได้หย่าขาดและกิจการฟิตเนตของเธอกำลังไปได้ดีและมีผลกำไรงามอย่างที่สุดแต่..... สิ่งที่ทำให้กิจการที่กำลังไปได้ดีต้องหยุดชะงักลงก็เพราะแบลล์ได้เห็นการฆาตกรรมสมาชิกคนหนึ่งของเกรทบอดส์ ซึ่งนั่นคือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่พยายามลอกเลียนแบบทำตัวเหมือนแบลล์ตั้งแต่หัวจรดเท้าซึ่งนั่นมันเป็นเหมือนหนามแหลมที่คอยทิ่มแทงแบลล์แทบจะตลอดเวลา
การที่แบลล์พบว่าการที่ตัวเองต้องมาพบเห็นผู้หญิงที่พยายามเลียนแบบตัวเองถูกฆาตรกรรมใกล้ฟิตเนตของเธอเองและการเข้ามาสืบคดีของไวแอดท์ แบลดเวิร์ธ อดีตคู่เดตของแบลล์ซึ่งได้รับการแนะนำผ่านแม่ของเขาเอง เดตสองครั้งแรกผ่านไปด้วยดี(อาจจะดีมากจนเกินไป) ครั้งที่สามสำหรับไวแอทท์แล้วจึงเป็นเหมือนการถูกควบคุมหลังจากวันนั้นเขาก็หายหน้าไปสองปีที่ไม่แม้แต่จะโทรกลับมา    สำหรับแบลล์    ในฐานะพยานที่เห็นเหตุการณ์การฆาตรกรรมแบลล์ต้องอยู่ในความค้มครองของตำรวจและแน่นอนต้องเป็นไวแอทท์และสิ่งที่แบลล์เกลียดที่สุดคือปฏิกิริยาทางเคมีที่มีต่อไวแอทท์ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผผ่านมาไม่ได้ทำให้มันลดน้อยลงไปเลยและตอนนี้เธอต้องมาติดอยู่กับเขา(เนี่ยนะ)

การที่กำลังถูกเล่นงานจากตัวฆาตรกรที่พยายามเอาชีวิตเธอถึงสองครั้งแน่นอนว่ามันไม่เป็นเรื่องดีแน่ที่จะปล่อยแบลล์ไว้คนเดียวและแม้ว่าตำรวจจะสามารถจับกุมฆาตรกรที่ลงมือฆ่าสาวนักเลียนแบบได้โดยการยอมรับและสารภาพจากตัวผู้ต้องหาเองว่าเป็นคนลงมือแต่การคุกคามจากคนที่ต้องการจะเอาชีวิตแบลล์ มัลลอรี่ ยังไม่หยุดลงและที่สำคัญไม่ใช่ฝีมือของผู้ต้องหาคนเดียวกันที่ตำรวจจับได้ซะอีกแน่ะ เพราะอย่างนี้การสืบหาเงื่อนงำและเบาะแสต่างๆของคนที่ลงมือตัวจริงต้องรวดเร็วที่สุดและมาถึงตอนนี้เมื่อคนที่ลงมือจริงๆปรากฏตัวออกมา(สปอยล์)ซึ่งนั่นก็คืออดีตสามีของแบลล์และเมียใหม่ของเขาที่เป็นคนลงมือ  และเป็นเหตุผลที่เราอ่านแล้วง่อยมาก ซึ่งเราอ่านแล้วห่านนนน นี่อ่ะนะเหตุผลที่ต้องฆ่าคนๆนึงและวางแผนได้ซะขนาดนี้ แบบ เฮ้ยยยยยย ไรวะเหตุผลของอิเมียใหม่ยังพอเข้าใจได้ แต่ของผลของปั๋วนี่นะ  ห่านนนน คิดได้ไงฟร่ะ สมกับที่ให้แบลล์ด่าแล้วล่ะว่าทั้งโง่ และ งี่เง่า มันคิดได้ไงนี่ย กร๊ากกกกกกก และเรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของนางเอกเพราะฉะนั้น สรรพนาม ฉัน ฉัน ฉัน จะเยอะมากกกก(ทั้งเล่ม)ก็ว่าได้ เล่มนี้สำหรับเราโอเค แต่ประเด็นเรื่องปมที่มาองการพยายามที่จะทำการฆาตรกรรมสำหรับเรามันไร้สาระมาก แต่พล็อตโดยรวมโอเคนะคะ

23 มีนาคม, 2555

พายลูกตาล




ทาร์ตลูกตาลอ่อนอันนี้ทำกินไปนานแล้วค่ะแต่ไม่ได้อัพบล็อคซะทีเพราะขี้เกียจสุดๆ เวลาเห็นลูกตาลอ่อนๆอดใจไม่ได้ต้องซื้อทุกที่เพราะชอบมาก รอบนี้เลยเอามาทำพายลูกตาลกินกันดีกว่าปกติซื้อมาจะทำลูกตาลเชื่อมเก็บไว้กินนานๆค่ะ(แต่ขอบ่นนิดนึงว่าลูกตาลราคาแพงขึ้นเนาะ อิ อิ) แต่ข้าใจว่าต้นตาลเดี๋ยวนี้หายากขึ้นราคาเลยต้องแพงขึ้นเป็นธรรมดาแม้ราคาจะแพงแต่พอเอามาทำขนมแล้วอร่อยทุกทีค่ะไม่ผิดหวังเลย

คสตาร์ดลูกตาลอ่อนๆกับแป้งทาร์ตกรอบมันช่างข้ากันดีจังทานพร้อมชาร้อนๆซักแก้วสุดยอดไปเลยค่ะ
สำหรับรอบนี้ในส่วนของตัวไส้พายไม่ได้ชั่ง ตวง วัด เลยค่ะแค่กะๆเอา สำหรับน้ำตาลชิมๆดูแล้วเพิ่มลดได้ตามชอบเลยค่ะ

เริ่มทำส่วนของไส้ลูกตาลก่อนนะคะ

- เนื้อลลูกตาล................ประมาณ 400 - 450 กรัม
- น้ำ........................300 - 350 กรัม
- น้ำตาลทราย.........................150 กรัม(เพิ่ม ลด ได้ตามชอบ)
- เกลือ...........................1/2 ช้อนชา
- ไข่แดง................1
แป้งข้าวโพด..............40 กรัม
- นม..........................1/2 ถ้วย
- เนยสด(นิ่ม).....................25 กรัม

- ผสม นม - น้ำ - น้ำตาลทราย - เกลือ - ไข่แดง - แป้งข้าวโพด ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน แล้วนำขึ้นตั้งไฟ คนไปเรื่อยๆจนเริ่มเดือด และ ข้นขึ้น แล้วใส่เนื้อลูกตาลลงไป รอให้เดือดอีกครั้งแล้วปิดเตา ใส่เนยลงไปค่ะคนให้เข้ากันพักไว้ให้เย็น

แล้วก็มาทำส่วนของแป้งทาร์ตค่ะ

- แป้งเอนกฯ..........................2 1/2 ถ้วย
- เกลือ...................1/2 ช้อนชา
- เนยสด(เย็นจัดๆ)....................230 กรัม
-น้ำเย็นจัดๆ.....................6 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลไอซิ่ง........................1 ช้อนโต๊ะ

- ไข่แดง............1 ฟอง
- นมสด...............1 - 2 ช้อนโต๊ะ

- ส่วนนี้ไว้ทาหน้าขนมก่อนเข้าอบค่ะ

- ผสมแป้ง + เกลือ + น้ำตาลไอซิ่ง ลงในชาม ใส่เนยเย็นจัดลงไปใช้ที่สับเนยสับจนแป้งกลายเป็นเม็ดร่วนๆ แล้วค่อยๆใส่น้ำเย็นลงไป ผสมให้เข้ากันจนเป็นก้อน แล้ว เอาพลาสติกแล็ปห่อแล้วพักในตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที

- พอครบเวลา นำแป้งออกจากตู้เย็น แล้วเปิดเตารอได้เลยค่ะที่ 220 ํC ไฟบน - ล่าง
- เสร็จแล้วโรยแป้งลงบนโต๊ะ คลึงแป้งแล้วนำไปกรุลงบนถาดพาย แล้วใส่ไส้พายลูกตาลลงไป ใช้แป้งส่วนที่เหลือ คลึงแล้วตัดเป็นเส้น ปิดทับบนหน้าของพายค่ะ เสร็จแล้ว ผสมไข่แดง กับ นมสด1 ช้อนโต๊ะ ทาหน้าขนมก่อนนำเข้าเตาอบ นำเข้าอบประมาณ 20 -25 นาที หรือจน ไส้พายจะเซตตัวค่ะ
- นำออกจากเตาแล้วพักให้เย็นค่อยตัดเสิร์ฟค่ะ











Fresh Mint Macarons



มาการองอีกแล้วค่ะกลายเป็นหลงไหล และ หลงรักเจ้าขนมชิ้นเล็กๆนี้ไปซะแล้วทำทุกรอบก็ยังคงต้อลุ้นเค้าทุกรอบ สนุกดีค่ะเป้นขนมที่ทำทีไรก็ยังสนุกทุกที มีอะไรให้เราทดลองใหม่ๆเสมอเลย เหมือนรอบนี้ที่ทำออกมาเป็นมาการองรสมิ้นต์ สูตรจากปิแอร์ เช่นเดิมค่ะ

สำหรับตัว shells รอบนี้ผสมชามิ้นต์ลงไปด้วย(เอาไปปั่นพร้อมอัลมอนต์)และกลิ้นมิ้นต์ อีกนิดหน่อยหอมสดชื่นมากๆค่ะ ส่วนไส้จะเป็นครีมชีสผสมกับไวท์ช็อคโกแลตและผสมใบมิ้นต์สับละเอียดลงไป ยิ่งเพิ่มความหอมสดชื่นทุกๆคำเวลากัดสูตร สำหรับสูตรดูได้ที่นี่ค่ะ macarons











19 มีนาคม, 2555

หัวใจที่ชิดใกล้ Close to Perfect – by…..Christina Dodd


- หัวใจที่ชิดใกล้ Close to Perfect – by…..Christina Dodd

-  สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

- ผู้แปล กัญชลิกา

- หนังสือแนว คอนเทมฯ

- จำหน้า 544 หน้า






หัวใจที่ชิดใกล้ Close to Perfect – by…..Christina Dodd



มาถึงเล่มที่สามเล่มสุดท้ายของชุดนี้แล้วค่ะสองเล่มแรกคือ(โทรศัพท์สื่อรัก และ วิหคคืนรัง) สำหรับเล่มนี้เป็นเรื่องของเคทลิน น้องคนสุดท้ายของครอบครัวที่โดนแยกจากพี่น้องหลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ และเล่มนี้จะปิดประเด็นเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นทั้งหมดค่ะ  สำหรับเราเล่มนี้อ่านสนุกกว่าเล่มที่แล้วเยอะเลย แต่มีความรู้สึกว่าปมมต่างๆมันง่ายไปไหม ไม่ค่อยได้ตื่นเต้นลุ้นอะไรเท่าไหร่เลยน่ะ

 สำหรับ เคทลิน  เพรสคอตต์เธอเป็นเพียงทารกเท่านั้นเมื่อตอนที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตและต้องถูกแยกออกจากพี่น้องทั้งหมด เคทลินเองถูกครอบครัวมอนต์โกเมอรี่รับไปเป็นลูกบุญธรรมและพวกเขาเห็นถึงความผิดปกติในการรับบุตรบุญธรรมครั้งนี้เพราะทุกอย่างมันง่ายเกินไปแต่หลังจากที่พวกเขาพยายามหาข้อพิสูจน์เรื่องนี้พวกเขากลับพบว่าไม่มีหลักฐานอะไรหลงเหลือหรือบ่งชี้เรื่องราวในอดีตที่ชัดเจนสำหรับลูกบุญธรรมของพวกเขาเลย!ราวกับนี่คือการจงใจให้หลักฐานต่างๆหายไป

 ในวัยยี่สิบสี่ปี เคท มอนต์โกเมอรี่ คือนักข่าวไฟแรงที่พร้อมจะเดินยุกน้ำลุยไฟเพื่อรายงานข่าวจากทุกสถานการณ์หลังจากที่เคทรายงานข่าวครั้งแรกผ่านจอโทรทัศน์ไม่นานหลังจากนั้นเธอก้ได้รับการติดต่อให้ไปเป็นนักข่าวเพื่อรายข่าวจากสภาของเท็กซัสด้วยค่าตอบแทนที่สูงริ่วจากเดิมถึงสองเท่า และอีกหนึ่งปัญหาในการรับตำแหน่งในเท็กซัสอีกอย่างหนึ่งก็คอเพื่อนร่วมงานของเธอที่มองว่า การที่เคทได้ทำงานที่นี่ก็แค่ใช้ร่างกายแลกมา เพราะทุกคนมองว่าเธอมีดีแค่ รวย ถูกตามใจ และ ไร้ความสามารถ แต่...นั่นคือสิ่งที่เคทรับมือได้

หลังจากที่เคทเริ่มงานในที่ทำงานแห่งใหม่ในสภาเธอก็พบว่าบางอย่างกำลังส่งสัญญาณอันตรายและมีคนต้องการที่จะเอาชีวิตเธอ เพราะเหตุนี้เคทจึงต้องหาบอร์ดี้การ์ดไว้คุ้มกันและสิ่งที่ทำให้เคทต้องแปลกใจก็คือ บอร์ดี้การ์ดที่จะมาคุ้มกันเธอนั้นเป็นคนๆเดียวกับที่เคทสงสัยว่าเขาคือบุคคลอันตรายที่ไม่น่าเกี่ยวข้องด้วยที่สุด เพราะการที่ต้องเกี่ยวข้องและอยู่ใกล้ๆ กับ ทีค รามอส สำหรับเคทแล้วมันอันตรายยิ่งกว่าบุคคลที่พยายามก่อเรื่องและข่มขู่เธอซะอีกแต่เคทรู้ดีว่าเมื่อเธออยู่ใกล้ทีคแล้วเธอรู้สึกปลอดภัย

 

อย่างที่บอกว่าเล่มนี้คือบทสรุปของปมต่างๆที่เกิดขึ้นมา ตัวตนของคนที่ก่อเรื่องขึ้นค่อยๆเผยโฉมปรากฏขึ้นมา(แต่จริงๆมันก็ชัดเจนอยู่แล้วล่ะ) แต่สำหรับเราๆว่ามันตื่นเต้นและได้ลุ้นน้อยไปซักนิดและคนที่ก่อเรื่องสุดท้ายราว่าเหมือนมันง่ายไปหน่อย แต่สิ่งที่ชอบมากคือความสัมพันธุ์ของครอบครัวสี่พี่น้องเพรสคอตต์นี่แหละมัน อืมมม รู้สึกดีที่จะผ่านมาซักกี่ปีก็ยังไม่ยอมที่จะหมดหวังหรือเลิกตามหาบรรดน้องๆที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่หรือว่าตายไปแล้วพอได้กลับมาเจอกันและรับรู้ว่าครอบครัวจริงๆยังมีอยู่ไม่ใช่แค่เด็กกำพร้าที่ไม่รู้ครอบครัวตัวเองคือใคร แม้ว่าสำหรับเคทลินแล้วเธอจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับ พ่อแม่ และ พี่น้องของเธอเลยแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับครอบครัวนี้เพราะสุดท้ายแล้วมันลงตัวและเรารู้สึกไปกับพวกเขาด้วย(แต่ก็แอบคิดว่าถ้าไม่มีแซคเนี่ยจะตามเจอมั้ย กร๊ากกกกกกก เพราะแซค สั่งได้ทุกอย่าง(เมียสั่งนะ อิ อิ) จากที่ชอบแซคจากเล่มแรกอยู่แล้วยิ่งทำให้เราชอบเขามากขึ้นไปอีก

 


16 มีนาคม, 2555

วิหคคืนรัง Almost Like Being In Love by.....Christina Dodd





วิหคคืนรัง Almost Like Being In Love  by.....Christina Dodd


มาถึงเล่มที่สองของชุด เส้นทางสายรักค่ะ (เล่มแรกคือ โทรศัพท์สื่อรัก)จริงๆไม่ได้ตั้งใจว่าจะอ่านชุดนี้ต่อเลยนะตั้งใจว่าจะอ่านเล่มแรกแล้วพอเลย แต่ความอยากรู้ย่อมชนะ เพราะอยากรู้ว่าการตามหาน้องๆของโฮปจะเป็นยังไงต่อ(ทั้งๆที่รู้ว่ายังไงก็ต้องหาจนเจอ) แต่สำรับเราพอได้อ่านแล้วต้องบอกว่า...อืม  ชอบเล่มแรกมากกว่าแฮะ เล่มนี้ตอนอ่านมีความรู้สึกว่ามันอืดๆยังไงไม่รู้โดยเฉพาะครึ่งแรก ที่อ่านไปแล้วมีความรู้สึกว่า วนเวียนอยู่ที่เดิมมาก แต่ครึ่งหลังอ่านๆไปเริ่มโอเคขึ้น(หรืออาจจะเป็นที่อารมณ์คนอ่านเองก็ได้) แต่ในที่สุดก็อ่านจบค่ะ และจบแบบไรอ่ะจบแล้วเหรอ มีต่ออีกหน่อยหรือเปล่า(วะ!)

ในวัยแปดขวบที่เพพเพอร์ต้องถูกแยกตัวออกจากพี่น้องทั้งสี่หลังจากที่พ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตและเพพเพอร์ถูกส่งตัวไปยังบ้านอุปถัมป์ และตอนนี้เธอกำลังหนีจากการที่เธอเห็นการฆาตรกรรม และเพพเพอร์กำลังล่วงรู้ความลับบางอย่างของฆาตรกร แต่ตอนนี้เธอต้องหนีเพื่อให้ฆาตรกรสืบหาตัวเธอได้ช้าที่สุดและจะเป็นที่ไหนไปได้นอกจากไร่บนหุบเขาของมิสซิสดรีสคนที่เคยอุปถัมป์เพพเพอร์ในอดีต และการกลับมาที่นี่นั่นทำให้เพพเพอร์พบกับแดนผู้ชายที่เธอเคยหนีไปจากเขาเมื่อเก้าปีที่แล้วและเขาไม่ใช่แดนคนเดิมที่เธอเคยไว้ใจและเธอจะบอกความลับของเธอให้เขาฟังไม่ได้เพราะเแดนทำงานในกองทัพและอาจเกี่ยวข้องกับคนที่ต้องการชีวิตเธอ

เรื่องนี้มันยุ่งยากซับซ้อน(เรียกแบบนี้ได้ไหม)เพราะทั้งแดนแล้วก็เพพเพอร์ต่างคนต่างก็ระแวงและคิดว่าอีกฝ่ายคือคนที่มีแผนการอยู่ในใจแดนคิดว่าเพพเพอร์มาที่นี่เพื่อจัดการกับเขาแต่ส่วนลึกในใจเขาแล้วเธอคือผู้บริสุทธิ์แต่เธอมีความลับบางอย่างที่ปกปิดไม่ให้เขารู้และนั่นเขาต้องทำให้เธอยอมบอกเขาให้ได้หลังจากเก้าปีที่เธอทิ้งเขาไว้มาถึงตอนนี้แดนไม่คิดจะปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีกอย่างแน่นอนอย่างที่บอกว่าเล่มนี้ออกจะอืดๆกว่าเล่มแรกหน่อยค่ะ เพราะเกือบทั้งรื่องเหตุการณ์ต่างๆจะอยู่ที่ไร่และกว่าที่นางเอกตัดสินใจจะบอกความจริงกับพระเอกก็ กินเวลาพอดูแต่เข้าใจได้เพราะก็ยังไม่ไว้ใจและคิดว่าจะปกป้องพระเอกให้ปลอดภัยจากเรื่องที่เธอปิดบังไว้ นั่นทำให้ตอนอ่านแทบไม่ลุ้นเลยแถมพี่ๆของเพพเพอร์(และแซค)โผล่มาน้อยมากๆแถมตอนจบเราว่าขอเพิ่มอีกหน่อยได้ไหม555555+ เพราะมันสั้นกุดเหลือเกิน(สำหรบเรา)
หรือที่เราคิดว่าเล่มนี้มันอืดๆเพราะเลิฟซีนมาช้าเหลือเกิน กร๊ากกกกกก  แดนไม่ได้ใจเหมือนแซคเลยยยยย(อันนี้แหละสำคัญ)

08 มีนาคม, 2555

โทรศัพท์สื่อรัก Just The Way You Are – by.....Christina Dodd


โทรศัพท์สื่อรัก Just The Way You Are – by.....Christina Dodd


สำหรับงานของคริสติน่า ดอดจ์  เราเคยอ่านชุด สามอนงค์ ของเธอมาก่อนแล้วบ้าง แต่ ชุดนั้นอ่านไม่จบค่ะเพราะแค่เล่มแรกที่เริ่มเปิดอ่านก็เจอคำราชาศัพท์ซะแล้ว นั่นทำให้เราเบรกไว้ก่อนเลย ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ(แปล)ที่มีคำราชาศัพท์พ่วงมาด้วยเท่าไหร่มีความรู้สึกว่ามันไม่เข้ากันซักเท่าไหร่ มีบ้างนิดหน่อยพอไหวค่ะ แต่ส่วนมากจะแอบรำคาญ(อยู่ในใจ)เวลาอ่านหรือจะบอกว่าเป็นคนเรื่องเยอะก็ได้ 555+

 

มาถึงเล่มนี้ โทรศัพท์สื่อรัก เป็นเล่มที่เพื่อนนำให้อ่านค่ะเล่มนี้เป็นแนวคอนเทมฯเพราะงั้นหมดห่วงเรื่องคำราชาศัพท์ไปได้เลย ก่อนอ่านชักไม่แน่ใจว่าจะอ่านจบ เพราะเรายังอ่านแนวย้อนยุคชุดก่อนหน้าของ ดอดจ์ไม่จบเลย ยังดองข้ามปีมาจนบัดนี้ แต่พอหลังจากอ่านลอร์ดเอียนจบ ยังอยากจะเบรกอารมณ์ของตัวเองจากลอร์ดเอียนบ้างเลยลองหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่านตามคำแนะนำที่มันเชียร์เหลือเกิน อืมม เอาซะหน่อยก็ได้วะ พอได้อ่านไปไม่กี่หน้าเฮ้ยยยยยไม่อยากวางอ่านไปจนถึงหกโมงเช้าของอีกวันไม่ได้อะไรมากหรอกค่ะมาแนวเดียวๆกับนิยายของเจ๊ ลินน์ เกรย์แฮม แหละ กร๊ากกกกกก แต่เล่นเอาอ่านไปจนโต้รุ่งได้แบบไม่หลับไม่นอนน่ะ

 

แซค กิฟเวน ประธานกรรมการบริหารบริษัท ผู้ชายที่ใครๆก็บอกว่าเขาไร้หัวใจ  และ ความรู้สึก สำหรับแซคแล้วเขาคิดว่าผู้หญิงคนไหนก็ตามแต่ที่จะแต่งงานกับเขาก็แค่เพื่อเงินแต่ข้อนั้นเขายอมรับได้และการแต่งงานกับเขาจะต้องอยู่ภายใต้ข้อตกลงและสัญญาก่อนแต่งงานที่รัดกุมและไม่มีช่องโหว่และครอบคลุมเรื่องที่คาดไม่ถึงทุกเรื่องและในชีวิตของแซคเขาไม่เคยมีความรัก! แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือแค่เขาได้ยินเสียงผู้หญิงที่เป็นแค่พนักงานบริการตอบรับทางโทรศัพท์ก็ทำให้เขาสั่นสะท้านไปถึงสันหลังแล้ว เขาจะต้องบ้าแน่และนี่จะต้องเป็นเรื่องเหลวไหลที่เขาขาดผู้หญิงมานานเกินไป


 แต่การได้ยินเสียงของโฮป เพรสคอตต์พนักงานตอบรับทางโทรศัพท์ที่แค่ได้ยินเสียงสำหรับแซคแล้วครั้งเดียวมันไม่พอเพียงแค่ถ้าเธอจะไม่คิดว่าเขาคือ กริสวอลล์พ่อบ้านของเขาเอง! สำหรับโฮป เพรสคอตต์แล้วแซค กริฟเวน คือคนเลวร้ายที่สุดสำหรับนางเอกก็ไม่ได้เอะใจบ้าง ไรบ้างเลยว่าทำไมพ่อบ้านถึงได้ทำทุกอย่างเหมือนเป็นเจ้านาย(ก็ถ้านึกออกไวมันจะเป็นนิยายได้ยังไงใช่มั้ย)

 สำหรับโฮปแล้วชีวิตของเธอตอนนี้ก็คือการต้องตามหาน้องๆทั้งสามคนที่โดนจับแยกย้ายให้ไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าคนละแห่ง เมื่อเจ็ดปีที่แล้วหลังจากที่พ่อแม่พวกเขาเสียชีวิตลง  และสิ่งสำคัญที่สุดโฮปต้องตามหาพวกเขาให้พบและเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่เธอไม่เคยเปิดเผยกับใครแต่กับกริสวอลล์พ่อบ้านของ แซค กริฟเวน แล้วเขาคือความปลอดภัยสำหรับเธอ

 

บอกแล้วว่าพล็อตเรื่องมาแอบคล้าย ลินน์ เกรย์แฮมเลยน้ำเน่าพอดูแต่อย่างที่บอกเรากลับอ่านรวดเดียวจบสรุปได้ว่าในบางอารมณ์เราก็ชอบแนวน้ำเน่ากับเค้าเหมือนกันนะเนี่ยนางเอกก็ตามสูตรไม่ได้เอะใจอะไรเลยยยยยจะบอกว่าซื่อเกินไปได้ไหม 555+ ส่วนพระเอกก็ อืมมม ว่าไงดี หล่อ รวย เก่ง ฉลาด แต่บางทีก็ง่าวได้เหมือนกันแต่ดีที่ได้สติกลับมาได้ไวหน่อย ไม่งั้นตอนอ่านจะอินมากที่พระเอกสุดติ่งคิดน้อยไปหน่อย เรื่องนี้ช่วงท้ายเราจะฮามาก(ไม่รู้คนอื่นเป็นยังไง)โดยเฉพาะช่วง(สปอยล์) ที่แซค และ คนที่โฮปเคยให้บริการตอบรับทางโทรศํพท์รวมตัวกันไปช่วยเหลือเธอจากพวกมาเฟียที่จับตัวเธอไป และหนึ่งในนั้นก็คือผู้หญิงแก่คนหนึ่งที่อดีตเคยเป็นมาเฟียที่ทุกคนต้องกลัวและเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่โฮปถูกปล่อยตัวออกม

จะบอกว่าแม้เราจะอ่านนิยายแนวคอนเทมฯแบบนานๆทีแต่เล่มไหนที่หยิบมาอ่านได้ถูกที่ถูกเวลามันก็ทำให้เราอ่านแล้วสนุกไปกับพล็อตเรื่องได้เหมือนกันค่ะ ลองดูนะคะ

 

05 มีนาคม, 2555

ร่ายรักลอร์ดอสูร The Madness Of Lord Ian Mackenzie – by Jennifer Ashley




The Madness Of Lord Ian Mackenzie – by Jennifer Ashley


  @ Bloggang.com


พูดถึงหนังสือเล่มนี้"ร่ายรักลอร์ดอสูร"(ไม่ชอบชื่อภาษาไทยเลยจริงๆ)แล้วสำหรับเราคือหนังสือแห่งปีเล่มที่รอคอยอีกเล่มนึงเลยค่ะ เป็นเล่มที่รอและอยากอ่านมาก แต่.....ก่อนที่จะได้อ่านได้ยินเสียงล่ำลือหนาหูมากว่าการแปลนรกแตกมากแม้หลายท่านจะบอกว่าเล่มนี้ดีขึ้นแล้วเพราะเล่มที่คนแปลคนนี้เคยแปลแซ่บบ(นรกแตก)ยิ่งกว่านี้อีกค่ะ ซึ่งเราว่าหลังจากที่เคยอ่านงานของคนแปลคนนี้แล้วหนึ่งเล่มก่อนหน้านี้ สำหรับเราถือว่าเล่มนี้ไม่ได้ดีขึ้นเลยเป็นการแปลที่ดิ่งลงเหวมากตอนอ่านเริ่มไม่แน่ใจว่านี่มันหนังสือแนวย้อนยุคจริงๆใช่ไหม ทำไมสำวนของเธอนั้นช่างทันสมัยและเพียบพร้อมไปด้วยคำศัพท์แสลงที่เกิดขึ้นในยุคนี้ทั้งสิ้น  แถมบางคำคนอ่านอย่างฉันอ่านแล้วอ่านอีกไปหลายรอบก็ยังไม่เข้าใจความหมายว่ามันแปลว่าอะไร(วะ!)

หลังจากที่ เอียน แม็คเคนซี่ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานบำบัดตั้งแต่เอียนอายุไม่ถึงสิบขวบ เพราะความผิดปกติและเขาคือบุคคลอันตรายและไม่น่าไว้วางใจ โดยคนที่ส่งเขาเข้าไปอยู่ในสถานบำบัดนั่นก็คือพ่อของเขาเองแต่หลังจากการเสียชีวิตของพ่อ  ฮาร์ท ดยุค แห่งคิลมอร์แกนซึ่งก็คือพี่ชายของเอียนทำทุกอย่างเพื่อให้เอียนหลุดพ้นจากสถานบำบัดแห่งนั้น แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นเมื่อเอียนกลับสู่โลกภายนอกเขาถูกตั้งข้อหาในคดีฆาตรกรรมโสเภณีคนหนึ่งและในหัวของเขาก็จดจำภาพต่างๆไว้อย่างดีโดยที่เอียนไม่สามารถเปิดเผยความจริงกับใครได้และยิ่งตอกย้ำลงไปอีกเมื่อทุกคนมองเขาเป็นคนบ้าที่จิตไม่ปกติ

แต่หลังจากที่เอียนได้พบกับเบ็ธ แอคเคอรี่ แค่เพียงครั้งแรกเขาก็ถือวิสาสะที่จะดึงเธออกมาจากคู่หมั้น(ที่ไม่คู่ควร)ของเธอแล้วและมากพอที่เอียนยื่นข้อเสนอแต่งงานให้กับเบ็ธเพราะแค่เพียงเขาต้องการจะนอนกับเธอแค่นั้น แต่ความรู้สึกของเอียนตอนนั้นแน่นอนว่าไม่รู้ตัวว่ามันคือรักซะแล้วและสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือเบ็ธไม่กลัวคนบ้าอย่างเขาแต่แน่นอนว่าเธอต้องปฏิเสธข้อเสนอของเขาอย่างแน่นอน และเมื่อเอียนตกเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจอย่างเฟลโล่เกี่ยยวกับคดีฆาตกรรมโสเภณีที่เกิดขึ้น(เหมือนเดิม)อีกครั้งและเฟลโล่กระพร้อมที่จะขุดคุ้ยเรื่องในอดีตของเอียนและพี่น้องแม็คเคนซี่ขึ้นมาอีกครั้งโดยที่เฟลโล่ต้องกล่อมให้เบ็ธร่วมมือกับเขาเพื่อเอาผิดเอียนและครอบครัวแม็คเคนซี่ด้วยการเปิดเผยเรื่องราวในอดีตต่างงๆของเอียนให้เบ็ธฟัง

แต่เรื่องราวต่างๆไม่ได้ทำให้เบ็ธยอมร่วมมือกับเฟลโล่เพื่อทำให้เอียนกลายเป็นคนผิดอย่างที่เฟลโล่กล่าวหาหลังจากที่เอียนรู้ว่าเบ็ธได้รู้เรื่องในอดีตของเขาแล้วเธอจะต้องเห็นเขาเป็นเหมือนคนอื่นคือคนบ้า จิตวิปริตและเบ็ธคงจะต้องกลัวเขา และเอียนคิดว่าเขาคงจะต้องเสียเธอไปหลังจากที่เธอได้รับรู้เรื่องราวและความลับต่างๆของตัวเขา แต่ท้ายที่สุดแล้วเบ็ธนั่นแหละคือคนที่ต้องการหาข้อพิสูจน์ในทั้งสองคดีที่เอียนมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สำหรับเอียนแล้วการที่เบ็ธเข้ายุ่งเรื่องของเขามีแต่จะทำให้เธอมีอันตรายมากขึ้นเท่านั้นและเขาจะไม่ยอมให้เบ็ธเข้ามาพัวพันกับเรื่องยุ่งยากในครั้งนี้
เรื่องนี้คาแร็คเตอร์ของเอียนเด่นมากกกกกและก็ทำให้คนอ่านอย่างเรากรี๊ดเขามากเช่นกันแม้เราจะอ่านไปด่าสำนวนแปลไปก็เถอะทั้ง ปม ปัญหาต่างๆที่มีหลายอย่างทั้งในอดีตหรือปัจจุบันก็จบลงแบบคลี่คลายและเมื่อบางเรื่องที่เราคิดผลออกมาเป็นอย่างที่เราแอบเดาไว้ตอนอ่านแอบดีใจที่เดาถูกโดยเฉพาะเรื่องของเฟลโล่! สำหรับเราเล่มนี้เป็นเล่มที่เขียนรีวิวได้ยากที่สุดไม่ใช่เพราะพล็อตไม่ดี ไม่สนุก คนแต่งๆดีมากพล็อตก็ดี แต่ในเล่มมีหลายประเด็นที่ในหัวเราเต็มไปด้วยเหตุการณ์ต่างๆในเรื่องแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนยังไงเพราะเรียบเรียงไม่ถูกแต่อยากเขียนไปหมดแต่อึนเองเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง(ไม่รู้อาการนี้คนอื่นเป็นไหมนะคะ 
)
นั่นทำให้อยากอ่านเล่มอื่นของพี่น้องแม็คเคนซี่มากขึ้นไปอีก แต่ถ้าคนแปลคนเดิมก็ทำใจกับสำนวนแว๊นบอยสก็อยเกิร์ลนรกๆของนางไว้ได้เลย ช่างสามารถจริงๆที่แปลย้อนยุคให้เป็นสำนวนคอนเทมฯได้แบบทุเรศๆจริงๆเสียดายงานดีๆที่ต้องมาดิ่งลงเหวเพราะสำนวนแปลเอาตามใจฉันทั้งคำทั้งภาษาวิบัติสุดๆไม่รู้ว่าทาง สนพ ปล่อยให้ผลงานแปลไม่ได้คุณภาพอย่างนี้ผ่านออกมาได้ยังไงการอีดิทมีมั้ยคะ หรือแค่แปลแล้วจบก็จบกันแปลแล้วพิมพ์ออกขายเลยไม่มีการตรวจทานอะไรอีกแล้วที่สำคัญทำไมนักแปลคนนี้ถึงได้แปลแต่งานดีๆเรื่องดังๆแทบจะทั้งนั้น อีกทั้งศัพท์บางคำเหมือนจะเป็นเธอที่คิดได้คนเดียวด้วย บางคำที่มีคิดขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้ ในพจนานุกรมมีความหมายว่ายังไงเหรอแล้วในนิยายอิงค์หรือแปลน่ะควรจะมีคำพวกนี้อยู่ใช่ไหมจากที่เราอ่านไปหนึ่งเล่มคำหรือประโยคที่คนแปลใช้ทำให้อารมณ์คนอ่านอย่างเราแทบอยากเขวี้ยงหนังสือทิ้งและเป็นไปได้อยากเขวี้ยงกลับคืนไป สนพ จริงๆ

เหนึ่งเล่มนี้ที่เธอแปลเราโน้ตคำหรือประโยคที่เธอแปลออกมาได้สามหน้ากระดาษ A4 นี่มันไม่ใช่แค่แปลไม่ดีแล้วล่ะแต่มันคือนรกเลยทีเดียวนี่ขนาดจดแล้วสามหน้ากระดาษจนช่วงหลังจดไม่หวาดไม่ไหวทำลืมๆเมินๆข้ามไปซะเฉยๆก็มีแล้วนะไม่ทราบว่าคนแปลๆเอามันส์อย่างเดียวหรืออย่างไรจึงลืมใส่ใจรายละเอียดและคุณภาพของงาน ยกตัวอย่างเช่น สาระเลวตัวพ่อ,เศรษฐีนีก็เบื่อกับการอยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวเอกา,หนี้ท่วมหู,ขุนนางภูธร,ร่างร่านราคะ,ชวนมาเป็นกิ๊ก,เก้าอี้นั่งสบายดีอ่ะ!,ตื่นเต้นดี๊ด๊า,ปลอมตัวขั้นเทพ,ป๋าดัน,เมาท์กันอย่างเมามันส์,ไก่กา,เฮฮาลั้ลลา, ฉันนี่มันแสบซ่าซะจริง,ช้อบชอบ,หัวนม,ปรานี(แทนที่จะเป็นปราณี),แคที่(แทนที่จะเป็นเคธี่), แฉ,นางเอกเกิดของขึ้น, แบบนี้ใช้ได้มะ!, สารวัตรวสาระแว้ด,เราเป็นแค่กิ๊กกัน,เชี๊ยะ,เห็นมะ,แม่นม้ากมาก,ยู๊ด,เขาไสดันเธอจนจมที่นอน!
,เขายังอยู่ในตัวเธอทั้งพวงพี,ยินดีกระดี๊กระด๊า,คนรับใช้พูดกับพี่ชายพระเอกซึ่งเป็นยุคว่าไม่ต้องมาเสือก”,อิตานี่กวนประสาทที่ซู๊ด,เราจะได้ไปลั้ลลากัน,นี่มันร้านขายของนะเฟร้ย,วิ๊ดว้าย,หมาส่ายหางดิ๊กดี๊(นี่เป็นไง),เธอชอบยิงมุข,ถูกต้องแล้วคร้าบ(พระเอกเป็นคนพูดประโยคนี้),สุนักลุกขึ้นส่ายหางด็อกแด๊ก,เบ็ธปอดลอยมองแคเมรอน(หมายความว่าไงใครรู้บ้าง),รอดตัวแบบสะดวกโยธิน?,สำนักสงฆ์(เออเอาเข้าไป),ได้เลยเดี๋ยวจัดให้!
,แจ่มแจ้งแทงตลอด,ซี๊ปึ๊กกับพระราชินี,อุบาสก อุบาสิกา(เออมาไงฟร่ะ),เจิดมากเลยค่ะ,ฝีมือวาดภาพขั้นเทพ,โอ๊ย บ่ เอา,กุ๋กกิ๋ก(คือไร?) นี่แค่ส่วนนึงเท่านั้นไม่รู้ว่าเราเรื่องเยอะไปเองไหมนะ แต่อ่านแล้วรับไม่ได้กับสำนวนแว๊นบอย สก๊อยของสุมารทิพย์ เอ้ยย สุมนทิพย์เธอจริงๆ แค่ชื่อเพื่อนนางเอกจากอิซาเบลลา เป็นอิสเบลล่า เอ่ออ? แล้ว"โฮ้ย"นี่มายังไง

เห็นทีว่ารีวิวหนังสือเล่มนี้จะเป็นรีวิวที่ยาวที่สุดของเราซะละมั้งและเป็นรีวิวหนังสือที่ด่าเยอะที่สุดด้วยเช่นกันไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไงเราชอบหนังสือเล่มนี้แต่เกลียดการแปลจัง เธอทำให้ของดีๆที่มีอยู่เสียของอย่างไม่น่าให้อภัย ตอนแรกไม่กะจะรีวิวหนังสือเลยกะจะด่าอย่างเดียวด้วยซ้ำแต่เห็นแก่ลอร์ดเอียนนะ

การที่มีประสบการณ์ในการแปลมากขึ้นไม่ได้ทำให้งานที่ออกมาพัฒนาขึ้นตามเลยบอกตรงๆเสียของ(ว่ะ)ค่ะ อ่านไปแทบอยากร้องไห้ไปเข้าใจความรู้สึกของคนที่รักหนังสือแต่กลับมีคนทำให้หนังสือเล่มนั้นมันหมดคุณค่าลงไปโดยสิ้นเชิงไหม แค่เราเปิดเทียบเล่มแปลกับต้นฉบับภาษอังกฤษ อารมณ์ในเรื่องทั้งอิงค์และแปลก็แตกต่างกันแทบจะสิ้นเชิงเลย สนพ ไม่มีคนอื่นที่แปลได้ดีกว่าเธอคนนี้แล้วหรือไรไม่เข้าใจจริงๆมันเสียของว้อยยยยยแถม(ภาษา)วิบัติอย่างเเรง ใครก็ได้เอาสุมนทิพย์ไปเก็บไกลๆทีได้ไหม หรือ สนพ ขาดแคลน บ.ก ขนาดไม่มีไว้ตรวจทานงานก่อนพิมพ์ออกขายหรืออย่างไรทำไมปล่อยให้งานแปลที่ไม่มีคุณภาพพิมพ์ออกมาขายได้ขนาดนี้ มันไม่ใช่เพิ่งเกิดกับแค่เล่มนี้เล่มเดียว หรือ จะต้องเป็นอย่างนี้ต่อไปโดยที่ สนพ ไม่คิดจะทำอะไรเลย?? 

02 มีนาคม, 2555

ดยุคหมาป่าเจ้าเสน่ห์ A Certain Wolfish Charm Vs แม่มดยอดรักหมาป่า Tall Dark Wolish – by…..Lydia Dare






ดยุคหมาป่าเจ้าเสน่ห์  A Certain Wolfish Charm – by…..Lydia Dare

จริงๆแล้วช่วงนี้ยังไม่อยากอ่านแนวพาราฯเท่าไหร่นะคะ ต่ที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านเพราะส่วนนึงเป็นแนวย้อนยุคแบบที่เราชอบแม้จะเป็นย้อนยุคแบผสมพาราฯก็เถอะหลังจากที่อ่านแล้ว อืมมม ชอบเลยนะได้รสชาติของย้อนยุคเต็มๆ สำหรับเราพล็อตเรื่อน่ารักนะคะ ได้ความโรมานซ์แบบย้อนยุคที่โอเคเลยทีเดียว แม้บางจุดจะอ่านแล้วแอบคิดว่า แอร๊ ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่เพิ่งจะมารู้สึกตัวเนี๊ยะ!


หลังจากลิลลี่ รัทเลดจ์  พยายามเขียนจดหมายถึง ไซม่อน ดยุคแห่งแบล็คมอร์ ผู้ปกครองของโอลิเวอร์หลานชายเธอเองซึ่งลิลลี่พบว่าการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นและลิลลี่เองจนปัญญาไม่รู้ว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร แต่จดหมายไม่ได้รับการตอบกลับจากดยุคผู้ที่เหมือนจะไม่มีเวลาตอบจดหมายแต่กลับมีเวลาใช้เวลาเหลือเฟือเพื่อหาความสุขไปทั่วเมือง นั่นทำให้ลิลลี่ขอสาปแช่งเขาที่ไม่สนใจอ่านจดหมายของเธอ ในเมื่อดยุคไม่รับรู้และไม่มาเยี่ยมเด็กในปกครองของเขาเอง ลิลลี่ก็แค่ต้องเดินทางไปหาเขาแทน!และเขาจะต้องเสียใจที่ละทิ้งหน้าที่ตัวเอง

ไซม่อนดยุคแห่งแบล็คมอร์รู้ว่ายิ่งใกล้วันพระจันทร์เต็มดวงเท่าไหร่อาการหงุดหงิดงุ่นง่านของเขาก็จะยิ่งเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น และสิ่งสุดท้ายที่ไซม่อน ต้องการก็คือการที่ต้องอยู่ใกล้ๆกับลิลลี่ รัทเลดจ์ ผู้หญิงที่เขารู้ว่าเมื่อเขาได้อยู่ใกล้แล้วอาจพลั้งมือทำร้ายเธอเพราะไซม่อนจึงต้องรีบจัดการให้ลิลลี่ออกไปจากคฤหาสน์ของเขาให้เร็วที่สุดแต่......ยิ่งพยายามผลักไสเท่าไหร่สุดท้ายก็ยิ่งได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น(ขอบอกว่าส่วนตัวแล้วชอบช่วงนี้ที่สุดอ่ะ) การพยายามควบคุมตัวเองของไซม่อนที่ไม่อยากอยู่ใกล้กับลิลลี่แต่เหตุการณ์มันมักตรงกันข้ามเสมอ สุดท้ายการห้ามใจก็คือเผลอใจ อิ อิ  กลับตัวไม่ทันแล้ว เล่มนี้วิลเลี่ยมน้องชายของไซม่อนก็ทำให้เราอ่านไปแล้วยิ้มนะนึกว่าเขาจะป็นพระเอกเล่มต่อไปซะอีกแต่ไม่ใช่แหะไปเล่มสามโน่นเลย




แม่มดยอดรักหมาป่า Tall Dark Wolish – by…..Lydia Dare


เล่มที่สองของชุดนี้แล้วค่ะหลังจากที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าอ่านเล่มแรกจบไปแล้วเราชอบมากกกกจึงเป็นเหตุให้คิดว่าเล่มสองคงจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับเล่มแรกล่ะน่า แต่....พอได้หยิบเล่มสองขึ้นมาอ่านปุ๊บ แม่เจ้า!บอกว่าแอบผิดคาดแฮะเพราะเล่มสองเป็นอะไรที่ไม่ค่อยสนุกเอาซะเลย  พล็อตโดยรวมน่าเบื่อมากกกกกกผิดคาดจริงๆช่างแตกต่างกับเล่มแรกซะนี่กะไร


หลังจากคืนวันพระจันทร์เต็มดวงที่ผ่านมา เบนจามิน ไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าได้ตามปกติ นั่นทำให้เขารู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายเขาแล้ว ดังนั้นเบนต้องเดินทางไปยังสก็อตแลนด์เพื่อพบกับผู้รักษาซึ่งนั่นก็คือแม่มดซึ่งเบนรู้ว่าแม่มดมีเพียงแค่ในนิทานเท่านั้นไม่มีวันที่จะมีตัวตนอยู่ในโลกนี้จริงๆ(แล้วที่แกรเป็นหมาป่าล่ะเบน 555+) ซึ่งนั่นคือเหตุผลให้เบนเดินทางเพื่อค้นหาผู้ที่จะรักษาลูกครึ่งหมาป่าอย่างเขาได้โดยที่ไม่รู้ว่าแม่มดในตำนานมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่และเบนต้องการแก้ปัญหาในครั้งนี้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้งสองคนของเขา

หลังจากเวลากว่าสองสัปดาห์ที่เบนเดินทางสู่เมืองเอดินบะระในสก็อตแลนด์
และได้พบกับหญิงสาวผมสีแดงเพลิงที่เขาได้ช่วยหล่อนจากอุบัติเหตุโดยบังเอิญเบนก็ไม่สามารถสามารถถอนสายตาจากเธอได้เลยเขารู้ว่าสัญชาตญาณของสัตว์ป่าในตัวเขามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งเพียงแค่ได้สัมผัสผู้หญิงคนนี้แรงดึงดูดระหว่างทั้งสองคนรุนแรงเหลือเกินแต่ความมุ่งมั่นของเขาที่เดินทางมาที่นี่เพื่อหาตัวผู้รักษาเพื่อที่จะรักษาอาการผิดปกติของเขาไม่ใช่มาติดใจผู้หญิงคนหนึ่ง!

สำหรับเอลสเพธ แคมป์เบลล์ การที่ลอร์ดเบนจามินยืนหยัดและพร้อมช่วยเหลือเธอนั้นก็ทำให้เธอร้สึกอบอุ่นในใจแล้วเพราะลูกนอกสมรสอย่างเธอไม่ใช่สิ่งที่ส่วนใหญ่ในเมืองให้การยอมรับนอกจากเพื่อนแม่มดของเธอเท่านั้น และยิ่งเอลมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเบนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้รู้ว่าเธอและเขามีสิ่งหนึ่งที่เชื่อมโยงหากันอย่างลึกซึ้งและเอลอยากถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขนเขาตลอดไปการที่ต้องอยู่ในอ้อมแขนเขานั่นทำให้รู้สึกดีจริงๆ  แต่อย่างที่เพื่อนแม่มดของเธอบอกว่านั่นมันไม่เหมาะสม และอีกไม่นานเขาจะต้องกลับคืนสู่ชีวิตของเขาในลอนดอนที่ซึ่งเขาจากมาและเอลไม่อยากทำให้สิ่งต่างๆยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม

อย่างที่บอกว่าเล่มนี้พล็อตค่อนข้างอืดค่ะทำให้อ่านแล้วสำหรับเราน่าเบื่อในระดับนึงเลยพล็อตวนเวียนๆมากเหมือนอยู่กับที่ไม่ไปไหนเลย อ่านไปบางทีต้องวางพักก่อน(ซึ่งไม่เหมือนเล่มแรกที่อ่านจบรวดเดียว)แถมบรรดาเพื่อนๆแม่มดของนางเอกมีข้ามาให้วุ่นวายกันเป็นพรรคๆอีกต่างหาก ทั้งๆที่น่าจะสนุกแต่ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ แต่ใช่ว่ามันจะไม่ไหวเอาซะเลยนะคะสำหรับเราคิดว่าโอเคแต่สนุกสู้เล่มแรกไม่ได้จริงๆทั้งๆที่พล็อตเล่มแรกก็ไม่มีอะไรมากแต่กลับได้ใจเราไปเลย แต่สำหรับเราอ่านมาสองเล่มแล้วแอบคิดในใจก็ตรงที่พระเอกกลัวนักกลัวหนาสำหรับการทำสัญลักษณ์คู่ครองที่กลัวว่าจะทำร้ายคู่ชีวิตซะเหลือเกินนี่จริงๆแล้วพออ่านไปมันไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้นเลยเหอะพออ่านจบไปแล้วเราถึงกลับบอกว่าแค่เนี่ย!! มันน่ากลัวตรงไหน(ฟร่ะ) 5555+ นางเอกแทบไม่รู้สึก

LinkWithin

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...