30 เมษายน, 2555

เจ้าสาวปริศนา The Plumed Bonnet – by…..Mary Balogh


-  เจ้าสาวปริศนา The Plumed Bonnet – by…..Mary Balogh
- สำนักพิมพ์ แก้วกานต์
- หนังสือแนว  historical romance
- ผู้แปล มันฑุกา
- จำนวนหน้า 252 หน้า



เจ้าสาวปริศนา The Plumed Bonnet – by…..Mary Balogh

สำหรับเจ้าสาวปริศนาเป็นหนังสือเล่มที่สี่ในชุด ดาร์คแองเจิ้ล ของ แมรี่ บาร็อค แล้วค่ะ(เล่มแรก แผนรักเทพบุตร เล่มสอง เจ้าสาวของท่านลอร์ด เล่มสาม วีรสตรีจอมเปิ่น)เป็นเรื่องของดยุคแห่งบริดจ์วอเตอร์เล่มที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เขาปรากฏตัวหลายรอบเลยค่ะ และเราเอง งานของแมรี่เธอออกจะอารมณ์ราบเรียบ(มาก)ราบเรียบไปซะทุกอย่างบางทีอ่านไปก็แอบเบื่อในความราบๆเรียบๆไปเหมือนกันราบเรียบในที่นี้หมายถึงทั้งพล็อตและเลิฟซีนเลยนะต้องยอมรับ(อย่างไม่อาย)เลยค่ะว่าเราชอบเลิฟซีนแบบฮอตๆนะมันเหมือนมีแรงจูงใจให้อ่านหนังสือต่อไปน่ะสิ 555+ เราว่าพล็อตก็ราบๆเรียบๆอยู่แล้วพอไม่มีจุดไหนให้ไคล์แม็กเลย โอ้ววว มันช่างน่าเบื่อพอประมาณเลยเชียวแหละ ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นแนวย้อนยุคที่เราชอบอยู่แล้วอาจะถึงขั้นต้องเปิดอ่านผ่านๆเพื่อให้จบแบบเร็วๆเลยก็เป็นได้ 

และแม้ว่างานของแมรี่เธอจะวอร์มพออุ่นๆซักแค่ไหนแต่นั่นก็ทำให้เราอยากเปิดอ่านไปแบบได้ลุ้นค่ะว่าทั้งพระเอก นางเอก จะรู้สึกตัวกันตอนไหนว่ามีใจให้กันและยอมรับสักทีว่ารักกัน(แม้จะรู้สึกว่า แหม๊ ความรู้สึกช้าเนอะก็ตาม อิ อิ)แต่นั่นใช่ว่าเวลาอ่านจะไม่เบื่อนะฮะ เบื่อฮ่ะอุตส่าห์ลุ้นให้มีจูบกุ๊บกิ๊บกันหน่อยก็ยังดีไอ่มีจูบอ่ะมีแต่จูบเหมือนไม่ได้จูบบ๊ะ ขัดใจฟร่ะ และนอกจากนั้นก็จับมือและอย่างมากแค่จูบมือไว้ตัวกันขิงๆขัดใจคนหื่นๆอย่างเราขนาดหนั

อลิสแตร์ มันโร ดยุคแห่งบริดจ์วอเตอร์กำลังจะเดินทางเข้าลอนดอนเพื่อร่วมออกงานสังคม และตอนนี้เขากำลังเบื่อหน่ายอย่างรุนแรงหงุดหงิดและหดหู่กับเรื่องที่เขาไม่เคยต้องพบกับชีวิตรักแม้เขาจะเคยได้ฝันว่าต้องมีผู้หญิงสักคนที่เกิดมาเป็นเนื้อคู่ของเขาและจนถคงตอนนี้เขก็ยังหาหล่อนไม่เจอและตอนนี้เขาก็เริ่มวิตกว่าสำหรับเขาแล้วเรื่องความรักคงไม่มีวันเกิดขึ้นในขณะที่เขาต้องรับรู้ตลอดมาว่าเพื่อนสนิทของเขาแต่ละคนได้เคยผ่านช่วงเวลานี้มาแล้วทั้งนั้นและมันก็ยิ่งทำให้เขาเบื่อหน่าย และหงุดหงิดเมื่อสิ่งที่เขาเคยตามหาไขว่คว้ามันไม่เคยปรากฏแม้บริดจ์หวังว่าสิ่งที่เขาตามหาจะจุดประกายให้เขาอีกครั้งหนึ่ง

เขากำลังมองหาหรือน่าจะมีอะไรสักอย่างดึงความสนใจของเขาไว้ได้และตอนนี้ผู้หญิงที่ไม่น่านับถือคนหนึ่งซึ่งท่าทางหรือเสื้อผ้าที่หล่อนสวมทั้งเสื้อคลุมสีบานเย็นและหมวกขนนกสีชมพูประดับขนนกหลากสีถ้าไม่ใช่โสเภณีก็คงเป็นแค่นางละครในโรงละครชั้นต่ำสักแห่งถึงได้กล้ามาโบกรถม้ากับคนแปลกหน้าเพื่อขอโดยสารไปด้วยและตอนนี้บริดจ์เองกำลังเบื่ออย่างที่สุดและผุ้หญิงที่ทำตัวไม่น่านับถือคนนี้ก็อาจบรรเทาความเบื่อของเขาลงได้บ้างเขาจะอนุญาติให้หล่อนโดยสารรถม้าไปด้วยเพราะเขาอยากรู้ว่าผู้หญิงอย่างนี้จะหาเรื่องอะไรมาโกหกและหล่อนคงจะเล่นบทสาวหน้อยผู้เหนียมอายอย่างแน่นอนและในเมื่อเขาเองกำลังหาเรื่องมาทำให้แก้เบื่อเพราะฉะนั้นเขาจะทำเหมือนเชื่อสิ่งที่หล่อนโกหกขึ้นมาครั้งนี้ก็แล้วกัน

การเดินลากเท้าไปตามถนนหลังจากที่ สเตฟานี่ เกรย์ ถูกขโมยกระเป๋าพร้อมกับเงินที่มีเกือบทั้งหมด การเดินทางไปแฮมป์เชียร์ของหล่อนอาจใช้เวลานานหลายวันหรือหลายสัปดาห์เพราะอย่างนี้หล่อนจึงต้องขอโบกรถม้าเพื่ออาศัยไปที่หมู่บ้านข้างหน้าเพื่อที่จะได้ย่นระยะทางลงบ้างแล้วสุภาพบุรุษคนหนึ่งก็ยินดีช่วยเหลือสเตฟานีอย่างเต็มใจที่สุด แม้ว่าการเดินทางไปแฮมเชียร์ครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตจากครูพี่เลี้ยงจะกลายมาเป็นทายาทมรดกของตาที่หล่อนไม่เคยได้รู้จักและการที่หล่อนจะมีสิทธิ์ในมรดกอันชอบธรรมนั้นสเตฟานีต้องแต่งงานภายในสี่เดือนมิเช่นนั้นแล้วมรดกทั้งหมดจะตกผ่านไปสู่คนอื่นโดยชอบธรรม

และพอจะเดาได้ใช่ไหมว่าใครที่สเตฟานีแต่งงานด้วยหลังจากที่บริดจ์รู้ความจริงว่าสเตฟานีพูดความจริงและไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่เขาคิดว่าหล่อนเป็นเขาก็เสนอที่จะแต่งงานกับหล่อนเสียเองแทนที่จะเป็นผู้ชายอีกคนที่ทำท่ารังเกียจเมื่อรู้ว่าสตฟานีอยู่ในความดูแลของเขาตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมาและบริดจ์เองก็ทนไม่ได้เช่นกันที่สเตฟานีต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขาและแม้ว่าสเตฟานีเองได้พยายามปฏิเสธคำขอแต่งงานจากบริดจ์เพราะไม่ต้องการให้เขามารับผิดชอบแต่สุดท้ายแล้วก็ยอมตกลงแต่งงานเพราะสเตฟานีคิดว่าต้องตอบแทนบุญคุณของบริดจ์ที่ช่วยเหลือหล่อนทั้งจากการอาศัยรถม้าและที่พักระหว่างเดินทาง และ สิ่งที่สำคัญคือสเตฟานีต้องเรียนรู้การที่จะเป็นดัชเชสและหล่อนไม่ต้องการทำให้ว่าที่สามีในอนาคตต้องผิดหวังและปฏิบัติการ การเริ่มต้นเป็นดัชเชสก็เริ่มขึ้นนั่นแล

เล่มนี้ก็สไตล์แมรี่เธอนั่นแหละค่ะที่กว่าจะเข้าใจรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งได้นี่นานพอดู บางทีก็อึดอัดแทนนะ คุยๆกันมั่งก็ได้เหอะ อะไรนักหนา 5555+ สงวนท่าทีกันอยู่นั่นขนาดแต่งงานกันไปแล้วยังสงวนกันอีก คนอ่าน(อย่างเรา)ก็ชักหงุดหงิดแหะเก็บงำความรู้สึกกันคิดไปกันคนละอย่างสองอย่างแต่สุดท้ายก็ลงตัวจนได้แต่สิ่งที่ชอบในเล่มนี้คือช่วงที่ตัวละครเก่าจากเล่มที่แล้วปรากฏตัวกันครบเลย แต่ละคู่มีลูกกันรวมแล้วเก้าคน โอ้วววว ขยันกันจริงๆ 


26 เมษายน, 2555

ไอรักในดวงใจ November Of The Heart – by…..LaVyrle Spencer



- ไอรักในดวงใจ November Of The Heart – by…..LaVyrle Spencer
- สนพ   แพรวสำนักพิมพ์
- หนังสือแนว historicalromance
- ผู้แปล ศศมาภา
- จำนวนหน้า 444 หน้า



ไอรักในดวงใจ November Of The Heart – by…..LaVyrle Spencer


ไม่ใช่เรื่องยากที่ทำให้เราตัดสินใจหยิบงานของ ลาเวิร์ล สเปนเซอร์ ขึ้นมาอ่านหลังจากที่ประทับใจและเสียน้ำตามากมายให้กับปราถนาแห่งหัวใจมาถึงเล่มนี้ไอรักในดวงใจ อืม ที่แค่ปกก็ดึงดูดให้เราต้องยอมหยิบขึ้นมาอ่านแล้วล่ะ นิยายของลาเวิร์ลก็ยังกินใจและบีบคั้นอารมณ์เหมือนเดิมค่ะ แม้ว่าสำหรับเรายังเทียบกับปรารถนาแห่งหัวใจไม่ได้ ต้องยอมรับว่าสำหรับเราช่วงแรกๆของหนังสือจะออกอืดๆเนิบๆไปบ้างแต่หลังจากผ่านไปจนถึงครึ่งหลังของหนังสือต้องยอมรับว่าการอ่านกระเตื้องขึ้นเยอะเลย พล็อตเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในช่วงอเมริกา ปี 1895 อุปสรรคความรักที่ต่างฐานะ ต่างชนชั้นนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ใครที่เป็นแฟนของลาเวิร์ลไม่น่าพลาดนะคะ

สำหรับ เจนส์ ฮาร์เคน แล้วการที่เขาเป็นเพียงเด็กรับใช้ในครัวของบ้านเศรษฐีอย่างครอบครัวบาร์เนต แต่สำหรับเจนส์แล้วเขาไม่คิดว่าเขาจะต้องอยู่ในนี้ตลอดไปจนวันตายและการที่เขาได้รู้ว่า กิเดียน บาร์เนต กำลังต้องการเรือสักลำเพื่อชนะในการแข่งขันครั้งต่อไป และนั่นคือสิ่งที่เจนส์ สามารถทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ด้วยทักษะการที่เขาเคยอยู่ในอู่ต่อเรือและแน่นอนการที่เขาเป็นชาวนอร์เวย์อพยพที่รู้ว่าการต่อเรือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาใฝ่ฝันอยากกลับไปสัมผัสมันอีกครั้งและเขารู้ว่าการที่จะทำให้เรือซักลำชนะนั้นไม่ใช่เรื่องยากแม้ว่าที่ผ่านมาสมาคมเรือต่างๆไม่มีที่ไหนยอมรับฟังเขาเลยก็ตามและก็เป็นไปตามคาดคือ..กิเดียน ย่อมไม่มีทางเชื่อเด็กรับใช้ในครัวอย่างเขาแน่นอน

ในวัย 18 ปี ของลอร์นา บาร์เนต ที่คุ้นเคยอยู่กับการอยู่ในวงสังคมในแบบที่เธอเคยชินมาเกือบตลอดชีวิตนี่เป็นครั้งแรกที่ลอร์น่าตัดสินใจลงมาที่ครัวเป็นครั้งแรกเพื่อตอบสนองความอยากรู้ในเรื่องที่คนรับใช้ในครัวที่กล้าเสนอตัวช่วยพ่อของเธอเรื่องการต่อเรือและส่วนหนึ่งก็คือลอร์น่านี่เองที่เป็นคนช่วยพูดโน้มน้าวให้พ่อของเธอยอมรับฟังและลงทุนในการให้ฮาร์เคนสร้างเรือเพื่อฤดูการแข่งที่กำลังจะมาถึง สำหรับลอร์นาแล้วการพบกับ เจนส์ ฮาร์เคน นี่เองที่ทำให้ชีวิตที่อยู่ในกรอบที่เคยปฏิบัตของลอร์น่า ต้องเปลี่ยนไปเพราะแค่การได้เห็นหน้าเขาครั้งแรกทุกอย่างในตัวเธอก็โหมกระพือขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและไม่สามารถหันเหความคิดไปจากเจนส์ ฮาร์เคนได้เลย

หลายเดือนสำหรับการออกแบบและสร้างเรือดำเนินไปเช่นเดียวกับความใกล้ชิดของเจาและลอร์นาก็ดำเนินไปสำเจนส์แล้วเขาพยายามระมัดระวังตัวในการที่จะกำจัดความคิดที่เขามีต่อลอร์นา บาร์เนตออกไปเท่าไหร่ก็ยิ่งจะส่งผลดีทั้งต่อเขาและเธอมากเท่านั้นเพราะความแตกต่างในทุกๆด้านที่เขารู้ดีว่าไม่มีทางจะเป็นไปได้ในเรื่องที่เขาจะมีสิทธิ์คิดถึงเธอในแง่นั้น แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องยากที่จะไม่คิดถึงลอร์นาและเจนส์รู้ดีว่าไม่มีผุ้หญิงคนไหนที่สามารถจะมาแทนลอร์นา บาร์เนต ผู้หญิงที่เขาควรหลีกหนีให้ห่างมากที่สุดคนนี้ได้เลย และแน่นอนว่าความรู้สึกของลอร์นาก็ไม่แตกต่างไปจากเจนส์เลยการที่เห็นเขาทำงานในโรงต่อเรือ แบ่งปันความรู้สึกต่างๆที่มีนั่นทำให้ลอร์นารู้ว่าเธอรักเขาคนรับใช้ในครัว ตอนนี้เขาคือช่างต่อเรือที่เธอรู้ว่าตอนนี้เขาคือส่วนหนึ่งของชีวิตที่เธอขาดเขาไม่ได้และเจนส์เงก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาว่าอนาคตในการที่จะมีอู่ต่อเรือเป็นของเขาเองเริ่มมีมากขึ้นและเมื่อนั้นเขาก็พร้อมที่จะดูแลและได้รับการยอมรับจากครอบครัวของลอร์นาในอนาคต

แต่เมื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไปและลอร์นาเกิดท้องขึ้นมานั่นทำให้เธอคิดว่านี่เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้ครอบครัวยิมรับเจนส์เร็วขึ้นแต่เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ของลอร์นาสิ่งที่ทั้งสองคนเคยคิดไว้และห้ามอย่างเด็ดขาดให้ทั้งสองคนพบกันอีกการต่อเรือของเจนส์ก็สิ้นสุดลงก่อนที่จะสำเร็จส่วนลอร์นาเองถูกส่งตัวไปยังสำนักชีเพื่อให้สำนึกบาปที่เกิดขึ้นช่วงนี้ยอมรับว่าส่วนตัวเราสงสารทั้งเจนส์และลอร์นาเลยแหะโดยเฉพาะเจนส์ที่พยายามตามหาลอร์นาแต่เขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนคือไม่สนอะไรแล้วขอแค่ได้อยู่กับลอร์นาและลูกเท่านั้นและหลังจากที่รู้ว่าลอร์นาอยู่ที่ไหนจนส์ก็ไม่รอช้ารีบไปหาทันทีเพื่อรับตัวเธอพร้อมลูกในท้องกลับมาอยู่กับเขา แต่แค่เห็นหน้าลอร์นาเจนส์ก็รู้ทันทีว่าพวกเขากล่อมให้ลอร์นาเชื่อจนสำเร็จแล้วและเธอพร้อมจะยกลูกให้คนอื่นไปเลี้ยงซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เจนส์ไม่มีวันยอมแน่และถ้าลอรนากล้าทำอย่างนั้นจริงๆเขาจะไม่มีวันให้อภัยเธอเลยและจะเกลียดเธอไปจนวันตาย

หลังจากนั้นลอร์นาก็คิดได้ว่าลูกของเธอกับเจนส์เธอจะไม่มีวันยกให้ใครแต่สุดท้ายหลังจากที่เธอคลอดแล้วแม่ของลอร์นาก็จัดการเอาตัวลูกชายของเธอไปจนได้อ่านถึงตอนนี้มันจุกอ่ะแต่หลังจากนี้สิแย่กว่าหลังจากที่ลอร์นารู้ว่าเจนส์อยู่ที่ไหนและพยายามไปอธิบายว่าเธอไม่ได้ยกลูกให้คนอื่นไปแต่เจนส์ไม่ยอมฟังต้องยอมรับว่าทั้งลอร์นาและเจนส์เจ็บปวดทั้งคู่สำหรับเล่มนี้ชอบป้าแอ็กเนสของนางเอกมากเป็นคนที่เข้าใจหลานมากกว่าพ่อ แม่ ซะอีกทั้งที่คนรอบข้างมองว่าเธอบ้าเพราะป้าจมอยู่กับความคิดในอดีตเกี่ยวกับผู้ชายที่เธอรักแต่สุดท้ายคนที่ช่วยลอร์นาตามหาลูกชายจนพอก็คือแอกเนสนี่แหละ เรื่องนี้ใช่ว่าจะมีแต่ดราม่า(จัดๆ)อย่างเดียวนะมุมขำๆก็มีเหมือนกันโดยน้องๆของลอร์นาอยากรู้สึกถึงการจูบว่าเป็นไงเลยชวกันมาสาธิตวิธีการจูบกันเองซะงั้นเล่นเอาเราอ่านๆไปขำ กร๊ากกเลยน่ารักดี

อย่างที่บอกค่ะว่าเรื่องนี้พล็อตหลักๆแน่นอนต้องพระเอก และ นางเอก เจนส์ และ ลอร์นา แต่สิ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักอีกอย่างของเรื่องก็คือเรือค่ะเรื่องน้ะเกี่ยวข้องกับเรือโดยตรงเพราะฉะนั้นศัพท์เกี่ยวกับเรือจะเยอะมากแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาซักเท่าไหร่แถมได้ความรู้เกี่ยยววกับเรืออีกเยอะเลยค่ะแม้ว่าบางทีเราจะแอบเบื่อๆไปบ้างวลาอ่านแต่สุดท้ายทั้งหมดก็ทำให้เราอิ่มเอมใจที่หนังสือเล่มนี้จบลงแม้ว่าส่วนตัวแล้วปราถนาแห่งหัวใจจะเรียกอารมณ์ร่วมของเราออกมาได้มากกว่าแต่เราว่าเล่มนี้ใครเป็นเป็นแฟนของลาเวิร์ลต้องหามาอ่านค่ะ และเมื่อ่านจบลงไปเราก็จะได้รู้ว่าในนิยายมันก็ทำให้เราเรียนรู้เรื่องราวต่างๆได้มากขึ้นเหมือนกันนะ



22 เมษายน, 2555

นทีในดวงใจ Chesapeake Blue – by…..Nora Roberts


- นทีในดวงใจ Chesapeake Blue – by…..Nora Roberts

- สำนักพิมพ์ เพิร์ล

- หนังสือแนว ร่วมสมัย

ผู้แปล เสาวณีย์ นิวาศะบุตร

- จำนวนหน้า336 หน้า



นทีในดวงใจ Chesapeake Blue – by…..Nora Roberts

เล่มสุดท้ายในชุด CheasaPeake Bay แล้วค่ะ( เล่ม 1 คลื่นอามรมณ์ SEA SWEPT เล่ม 2 ทะเลรัก RISING TIDES เล่ม 3 ธารเสน่หา INNER HARBOR)สำหรับเล่มนี้เรื่องราวต่างๆของพี่ – น้อง ควินน์ บทสรุปทุกอย่างจะจบลงในเล่มนี้แล้วและเล่มนี้เราขอรีวิวแบบสั้นๆกระชับเลยนะคะ (อาจจะไม่ได้เรียกว่ารีวิวเลยก็ว่าได้) พราะนี่คือความรู้สึกของเราที่มีมีต่อหนังสือ(เล่มแปล) แน่นอนเล่มที่สุดท้ายนี้จะเป็นเรื่องของใครไม่ได้นอกจากเซ็ธ ควินน์ เด็ก ที่เรย์ ควินน์ รับเข้าดูแลพร้อมกับพี่น้องต่างสายเลือดที่ตอนนี้พวกเขารักกันมากกว่าคำว่าพี่น้องจริงๆซะอีก สี่เล่มที่อ่านจบไปจะบอกว่าความรัก ความผูกพัน ของพี่น้องและทุกๆคนในครอบครัวทำให้คนอ่านอย่างเรารับรู้ได้ว่าพวกเขารักและพร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างไปด้วยกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและไม่ว่ากับใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัว

แต่ส่วนตัวเราแล้วทั้งชุดที่ได้อ่านมาทั้งหมดสี่เล่มเราชอบเล่มแรก มากที่สุดแล้วค่ะ สามเล่มหลังเรารู้สึกว่ามันออกจะเนิบไปสักหน่อยทั้งพล็อตละตัวละครเองแม้ว่าเล่มหลังๆการได้รู้ว่าทำไม กรอเลียแม่ของเซ็ธจึงสร้างเรื่องต่างๆขึ้นมาและในอดีตเธอเป็นแม่ที่เลวร้ายแค่ไหน หรือ ปมปัญหาต่างๆที่เคยมีจะคลี่คลายไปในทางที่ดีแต่...สำหรับเราคิดว่ามันก็ยังน่าเบื่อเวลาอ่านอยู่ดี แฮ่ๆ หรือ ส่วนนึงสำนวนแปลก็มีส่วนค่ะที่ทำให้การอ่านของเราไม่กระเตื้องเล่มที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ได้สังเกตเท่าไหร่ว่าสำนวนการแปลของคุณเสาวณีย์ สำหรับเราออกจะน่าเบื่อค่ะ บางประโยคใช้คำฟุ่มเฟือยมากเช่น ธอเดินลัดเลาะหลบหลีกโต๊ะด่างดวงและเก้าอี้โยกโย้ หรือการใช้คำบางคำดูผิดที่ ผิดทางไปบ้างเช่น สรรพนามของแต่ละบุคคลเราเปลี่ยนเป็น "เธอ หรือ เขา" น่าจะโอเคกว่าใช้คำว่า "แก"  บางทีคิดว่ามันเยอะไปนะจนน่ารำคาญ คำะกิดผิก็เยอะพอควร จริงๆมันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ จะทำใจให้ผ่านๆไปไม่สนใจก็ได้ เพียงแต่สำหรับเราเองถ้าได้อ่านแล้วสะดุดกับสำนวนจะทำให้ความสามารถในการอ่านเรื่องนั้นให้สนุกลดลงไปเยอะเลยทีเดียว

และสำหรับเรื่องทั้งหมดของครอบครัวควินน์เองการได้เห็นทุกๆคนแสดงความรักที่มีต่อกันเวลาอ่านทำให้เรารู้สึกอบอุ่นไปด้วยและทำให้รู้ว่ากรอเลียก็คือกรอเลียวันยังค่ำไม่มีเปลี่ยนแปลงในเล่มนี้(อาจจะสปอยล์หน่อยๆนะคะ)ว่าผีพ่อไม่ออกมาแล้วค่ะในสามเล่มที่ผ่านมา ณ จุดๆหนึ่งเรย์ ควินน์ จะปรากฏตัวเพื่อคุยกับลูกๆทั้งสามคน(แค็ม /อีธัน/ฟิลิป)ในเวลาที่ลูกๆของเขายุ่งยากใจ แต่เล่มนี้ เรย์ ไม่มาค่ะ แต่เป็น สเตลล่า ควินน์ มาปรากฏตัวแทน และเล่มนี้พี่น้องทุกๆคนของครอบครัวมาปรากฏตัวกันครบถ้วนเลยค่ะ โดยเฉพาะแค็มและแอนนา และนั่นทำให้เราคิดว่าแม้ว่าตอนนี้(ในเล่มสี่)แค็มจะอายุปาไปห้าสิบปีแล้ว แต่เชื่อไหมเราคิดว่าเขามีเสน่ห์มากๆอยู่ดี 55555+





20 เมษายน, 2555

หมาป่าหนุ่มจอมพยศ The Taming Of The Wolf- by…..Lydia Dare




- หมาป่าหนุ่มจอมพยศ The Taming Of The Wolf- by…..Lydia Dare
- สำนักพิมพ์ แก้วกานต์
- หนังสือแนว โรมานซ์ ย้อนยุค
- ผู้แปล กัญชลิกา
- จำนวนหน้า 336 หน้า




หมาป่าหนุ่มจอมพยศ The Taming Of The Wolf - by…..Lydia Dare



เล่มที่สี่ในชุดแล้วค่ะสำหรับชุดหมาป่ายอดรักอย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ในเล่มวิลแล้วว่าสำหรับ แดชิล ธอร์ป เอิร์ลแห่งบริมสเวิร์สสำหรับเราเขาโดดเด่นเกินหน้าเกินตาวิลไปเลยเชียวล่ะ แล้วก็มาถึงเล่มของแดชเองในเล่มนี้ซึ่งต้องบอกว่าสำหรับเรามันค่อดน่ารัก อิ อิ หลังจากแอบผิดหวังในความยืดเยื้อในเล่มวิลพอมาอ่านต่เล่มนี้ต่อน่ารักไม่เห็นฝุ่นกันเลยคนอื่นว่าไงไม่รู้ค่ะแต่สำหรับเราชอบเล่มนี้อาจจะพอๆกับเล่มแรกไซม่อนเลยเชียวแหละ เพราะแดชเป็นหมาที่ค่อดน่ารักแม้ว่าในเล่มนี้เหตุการที่เกิดขึ้นจะอยู่บนรถม้าและเอร้ออโรงแรมรายทางที่ทั้งสองคนเข้าพักระหว่างเดินทางไปสก็อตแลนด์ แต่.....แหมมันหาได้ลดความน่ารักของหมาและแม่มดคู่นี้ลงไปแต่อย่างใด

สำหรับนางเอกเล่มนี้คือเคทลินซึ่งเป็นแม่มดเพื่อนของเอลสเพธนางเอกเล่มสองที่เดินทางมาลอนดอนก็เพื่อช่วยรักษาแม่ของวิลที่คฤหาสน์เวสฟิลส์เพราะเอลสเพธเองไม่สามารถทำการรักษาได้เพราะเธอกำลังท้องและสำหรับเคทลินเองการมองเห็นภาพนิมิตรต่างๆยังปรากฏชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะหมาป่าดุร้ายตัวหนึ่งและนั่นคือตัวอันตรายและเคทไม่สามารถบอกใครได้ถึงภาพนิมิตรในอนาคตของหล่อนและรู้ว่าหมาป่าตัวนั้นจะสร้างความเสียหายขนาดไหนก่อนที่คืนวันพระจันทร์เต็มดวงอย่างคืนนี้จะผ่านไปเพราะอย่างนั้นเคทจึงต้องหาอะไรมาหันเหภาพนิมิตรจากอนาคตของตัวเองและเคทเพียงแค่ต้องการหนังสือซักเล่ม และตอนนี้ที่คฤหาสน์เวสฟิลส์ว่างเปล่านอกจากหล่อนกับคนรับใช้ซึ่งนั่นเพราะเหล่าพี่น้องเวสฟิลส์ทุกคนกำลังอยู่ในป่าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงแบบนี้

แค่เดินลงไปหยิบหนังสือซักเล่มข้างล่างของคฤหาสน์เคทไม่คิดว่าจะต้องได้เจอกับผู้ชายที่อาจจะเหมือนในภาพนิมิตรของหล่อนเองซึ่งนั่นทำให้เคทไม่สบายใจเอาซะเลยและทางที่ดีหล่อนควรพาตัวเองออกไปให้พ้นจากเขาให้เร็วที่สุด แต่นั่นช้าไปเมื่อเขาจัดการจูบหล่อนก่อนที่เคทจะทันได้หนีซะอีกและเคทก็บอกตัวเองว่าการจูบของเขานั้นไม่เคยมีทักษะใดๆเทียบได้เลยและและจูบของเขาให้ความรู้สึกที่ดีมากยิ่งไปกว่านั้นหล่อนไม่อยากให้เขาหยุดแต่จูบนั้นต้องยุติลงเพราะเขากัดเข้าที่บริเวณลำคอของหล่อนนั่นทำให้คอเคทเกิดบาดแผลรูปจันทร์เสี้ยวและเคทไม่รู้ว่าทำไมเขากัดหล่อนแต่เคทคงไม่อยู่รอฟังคำตอบจากเขาอย่างแน่นอนหลังจากนี้หล่อนจะออกเดินทางจากคฤหาสน์เวสฟิลส์เพื่อกลับเอดินบะระบ้านของหล่อนให้เร็วที่สุดและเคทก็หวังว่าหล่อนจะไม่ต้องเจอหน้าผู้ชายลึกลับคนนั้นที่กล้าฝากรอยแผลไว้ที่คอของหล่อนอีกตลอดไป

แดชิล ธอร์ป เอิร์ลแห่งบริมสเวิร์ธเขาทำอะไรลงไปถึงได้กัดลำคอของสุภาพสตรีคนหนึ่งที่เขาไม่แม้แต่จะรู้จักหล่อนด้วยซ้ำไปแต่แดชรู้ดีเชียวล่ะว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นเพราะสัตว์ร้ายที่อยู่ในตัวเขาและคืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงและสถานการณ์ของเขาจากที่เลวร้ายอยู่แล้วในการที่เขาไม่สามารถควบคุมสัตว์ร้ายในตัวเขาได้แต่ตอนนี้กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อเขากัดผู้หญิงคนหนึ่งและรอยกัดของเขาต่อผู้หญิงคนหนึ่งในคืนพระจันทร์เต็มดวงนั่นคือเขาได้ทำเครื่องหมายประกาศว่าเธอเป็นคู่ชีวิตเขาทั้งที่เขาและหล่อนไม่เคยรู้จักหรือพบหน้ากันมาก่อนดังนั้นแดชจึงต้องได้คุยกับหล่อนแต่..สำหรับเคทลินแล้วการได้พบกับผู้ชายตัวปัญหาอย่างแดชิลนั่นทำให้ทุกอย่างในตัวของหล่อนสั่นไหวซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับคทเลยแต่ดูเหมือนว่าการหลีกเลี่ยงที่จะไม่พบกับแดชิลแทบเป็นไปไม่ได้เลยเพราะหมาป่านิสัยเสียอย่างเขาไม่ยอมรามือจากหล่อนง่ายๆ

อย่างที่บอกไว้ตอนต้นค่ะว่าเรื่องนี้พล็อตหลักๆจะอยู่ที่การเดินทางบนรถม้าและโรงแรมที่พักตามรายทางซึ่งมันควรจะน่าเบื่อใช่ไหมแต่เปล่าเลยเล่มนี้เต็มไปด้วยความน่ารักของมนุษย์หมาป่าอย่างแดชที่แทบไม่น่าเชื่อว่าเขาคือคนเดียวกับที่ลักพาตัววิลในเล่มก่อนนี้ในเล่มนี้เพื่อนของเคทลินที่เป็นกลุ่มแม่มดก็ออกมาปรากฏตัวกันเกือบครบค่ะซึ่งเล่มนี้เราว่ากลุ่มแม่มดน่ารักดีไม่น่ารำคาญเหมือนในเล่มสองแหะ สำหรับเล่มของกลุ่มแม่มดเพื่อนๆของเคทลิน จะแยกไปเป็นอีกชุดนึงค่ะซึ่งชุดนั้นก็น่าอ่านดีเหมือนกันและเล่มนี้บอกตรงๆว่าแอบรำคาญอเล็ค แมคควอรี่ย์แหะแม้ว่าชุดแวมไพร์จะมีอเล็คมาเป็นพระเอกเล่มของตัวเองก็เหอะ(จริงๆแอบรำคาญมาตั้งแต่ล่มสองของเอลสเพธแล้วล่ะ)นั่นไม่รู้ว่าเรื่องของเขาจะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน

18 เมษายน, 2555

ยอดหญิงของหมาป่า The Wolf Next Door – by…..Lydia Dare


- ยอดหญิงของหมาป่า The Wolf Next Door – by…..Lydia Dare

- สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

- หนังสือแนว โรมานซ์ ย้อนยุค

- ผู้แปล กัญชลิกา

- จำนวนหน้า 356  หน้า 





ยอดหญิงของหมาป่า The Wolf Next Door – by…..Lydia Dare

เล่มที่สามในชุด หมาป่ายอดรัก ของ ลิเดียร์ แดร์ แล้วค่ะสองเล่มแรกเป็นเรื่องของไซม่อนดยุคแห่งแบล็กมอร์ และ เบนจามิน สำหรับเล่มนี้เป็นเรื่องของวิลเลียม เวสต์ฟิลล์ และ พริสกา ฮอร์ธอร์น จากสองเล่มที่ผ่านมาก็จะรับรู้ว่าทั้งวิลและพริสกานั้นคือคู่ปรับคู่กัดกันประจำเวลาเจอหน้าสองคนนี้แทบไม่เคยพูดจากันดีๆเลยและเล่มนี้มีหรือที่จะรอดแต่สำหรับเราเล่มเป็นเล่มที่อ่านแล้วชวนง่วงพอกับล่มสองเลยแหะ ดีไม่ดีเล่มสองของเบนอาจมีคะแนนดีกว่าเล่มวิลซะอีก(สำหรับเรา) เล่มวิลเป็นเล่มที่น่าเบื่อมาก

ตอนแรกเราแอบหวังไว้ว่าระหว่างวิลและพริสกาจากที่คอยเป็นคู่กัดกันตลอดมาจะทำให้เรื่องสนุกมากขึ้นแต่ที่ไหนได้ โอ้วววว น่าเบื่อสุดๆแต่ไม่น่าเชื่อว่าเราจะสามารถอ่านจบในวันเดียวเพราะความน่าเบื่อนี่แหละทำให้เราอยากอ่านแล้วรีบๆให้จบๆไปซะจะได้หยิบเล่มใหม่มาอ่านต่อซะทีแถมเรื่องนี้เราว่า วิล เป็นพระเอกที่น่ารำคาญแถมพริสกาก็ทำให้เรารำคาญมากกว่าอีกซะงั้น!แต่ยังไงเล่มนี้ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจพอที่จะทำให้เราตามอ่านเล่มต่อไปแบบไม่อยากพลาดเลยล่ะ
สำหรับวิลแล้วไม่ต้องพูดถึงว่าการที่เขาต้องเจอหน้าพริสกามันย่อมหนีไม่พ้นการลับฝีปากทุกทีไปและสายตาของหล่อนเองก็บอกเขาได้ชัดเจนมากพออยู่แล้วว่าหล่อนเกลียดเขา หลังจากเรื่องในอดีตระหว่างวิลกับพริสกาเมื่อสี่ปีที่แล้วนั่นยิ่งทำให้วิลรู้ว่าเรื่องของทั้งสองคนคงไม่มีวันเป็นไปได้อย่างแน่นอนเพราะทุกครั้งพริสกาเองก็พยายามผลักไสเขาให้ออกห่างในทุกวิธีที่หล่อนทำได้แต่ใช่ว่าวิลจะสนใจหรอกนะ แต่ตอนนี้เรื่องที่เขารับรู้ว่าพี่ชายของพริสกาได้เชิญแดชิล ธอร์ป เอิร์ลแห่งบริมสเวิร์ธ(ชื่อดูแปลกๆไปมั้ย เรียกอยากอีกตะหาก)ให้มาพักอยู่กับพวกเขาด้วยนั่นทำให้วิลออกจะหงุดหงิดอยู่ซักหน่อยและเมื่อเห็นแดชิลให้ความสนใจในตัวพริสกาอย่างออกนอนกหน้า และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นวิลรู้ว่าแดชิล เอิร์ลแห่งบริมสเวิร์ธก็ซ่อนสัตว์ร้ายไว้ในตัวตนที่ลึกลงไปเหมือนเขาเพราะอย่างนั้นวิลไม่คิดว่าการปล่อยให้พริสกาใช้เวลาอยู่กัแดชิลมันจะเป็นเรื่องดี

และแผนการบางอย่างของวิลก็เริ่มขึ้นเพื่อที่เขาจะได้ครอบครองตัวของพริสกาไว้ตลอดไปแม้เขาจะรู้ดีว่าหล่อนเกลียดเขาแต่การที่เข้าต้องคิดว่าคนที่จะได้ครอบครองพริสกาไม่ใช่เขานั้นก็ทำให้วิลเดือดแทบเป็นบ้าแล้วล่ะและแม้ว่าแผนการของเขาเริ่มดำเนินไปเพื่อให้พริสกาแต่งงานกับเขาให้ได้บรรดาพี่ชายของหล่อนเองกลับสารภาพกับวิลเหมือนกันว่าการวางแผนจับคู่ระหว่างวิลกับพริสกาเป็นเรื่องที่พวกเขากำลังคิดให้เกิดขึ้น แต่แม้ว่าการแต่งงานระหว่างเขาพริสกาจะเกิดขึ้นสำหรับวิลแล้วขายังไม่พร้อมที่จะสารภาพถึงเรื่องสัตว์ร้ายในตัวเขาที่ซ่อนอยู่และคืนพระจันทร์เต็มดวงกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ

อย่างที่บอกว่าเล่มนี้สำหรับเราอ่านแล้วน่าเบื่อพอสมควรรำคาญทั้งวิลและพริสเลยแหะวนๆเวียนๆซะจนน่ารำคาญและพออ่านถึงช่วงที่ว่าทำไมพริสกาถึงทำท่าเหมือนเกลียดวิลตลอดเวลาที่เจอหน้ากัน อืมมม พออ่านเหตุผลแล้วอยากบอกทั้งวิลและพริสว่าก่อนหน้านี้ทำห่านไรอยู่คะถึงไม่คุยกัน พริสเองก็รู้ว่าวิลไม่ได้ทำ...แล้วจะมัวโกรธทำไมไม่แซ่บบบบ แต่เข้าใจแหละว่าตอนนั้นพริสยังเด็กมากแต่แค่คิดว่าสองคนปล่อยเวลามานานเกินไปแล้วซึ่งพอได้กลับเวลามาคุยกันจริงๆจังๆกลับไม่มีอะไรให้น่าติดตามซักเท่าไหร่เลย แม้ว่าล่มนี้จะน่าเบื่อไปหน่อย(สำหรับเรา) แต่ในความน่าเบื่อยังมีบางอย่างที่ทำให้น่าสนใจนั่นคือ แดชิล เอิร์ลแห่งบริมสเวิร์สนี่เองที่เราคิดว่าสำหรับแดชแล้วเล่มนี้เขาเด่นกว่าวิลซะอีกมาแบบโดดเด่นมากซึ่งก็แน่นอนล่ะว่าเขาคือพระเอกในเล่มต่อไปสำหรับเราไม่รู้เล่มต่อไปจะสนุกแค่ไหนและไม่อยากหวังมากเพราะชุดนี้ที่อ่านมาสามเล่มรำคาญไปซะสองเพราะงั้นคงต้องมาวัดดวงกันเล่มต่อไปเลยดีกว่า อิ อิ 

17 เมษายน, 2555

แม่ครัวตัวยุ่ง Kiss the Cook – by…..Jacquie D'Alessandro





- แม่ครัวตัวยุ่ง Kiss the Cook -  by.....Jacquie D'Alessandro
- สำนักพิมพ์ เกรซ พับลิซชิ่ง
- หนังสือแนว คอนเทมฯ - โรมานซ์
- ผู้แปล ณัฐภัทรา
- จำนวนหน้า :244 หน้า





แม่ครัวตัวยุ่ง Kiss the Cook – by…..Jacquie D'Alessandro


แม่ครัวตัวยุ่ง เล่มนี้แค่เห็นปกก็น่ารักแล้ว และสำหรับนักเขียนเองเราไม่ค่อยคุ้นชื่อเธอเท่าไหร่ค่ะตอนที่ สนพ พิมพ์ออกขายครั้งแรกเราไม่ได้ซื้อนะพอเอากลบมาพิมพ์ใหม่แถมปกน่ารักขนาดนี้เลยต้องสอยค่ะแถมนางเอกยังทำอาหารเก่งมากๆด้วยแบบบนี้ก็เข้าทางเลยล่ะแถมชื่อนางเอกเมล กิ๊บสันแค่อ่านก็ทำให้เราแอบฮาแล้วค่ะ แต่ความจริงแล้วเธอน่ารักมากๆ
เมลานี กิ๊บสันเจ้าของแพมเพอร์แพลลิทอาหารปิ่นโตระดับภัตราคารกำลังทำเวลาในการที่จะต้องขึ้นไปส่งอาหารให้ทันเวลาไม่เช่นนั้นแล้วลูกค้าคงต้องได้กินฟรีตามสโลแกนที่เธอคิดขึ้นมาถ้าเรามาส่งไม่ทันเวลา เราจะไม่เก็บเงินแต่การวนหาที่จอดรถให้ได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีมันช่างเป็นเรื่องยากซะจริงๆแต่แป๊บเดียวแค่แป๊บเดียวเท่านั้นที่เมลต้องจอดรถดอดจ์คันเก่าของเธอขวางเมอเซเดสของใครบางคนไว้เพื่อรีบไปส่งอาหารให้ทันเวลาในอีกห้านาทีและไม่มีทางที่เมลจะส่งไม่ทันเวลาแต่.....ที่ไหนได้คือมันเลยเวลาส่งอาหารไปแล้วและลูกค้าในออฟฟิศก็ไม่มีใครอยู่เมลก็เลยต้องแบกถังบรรจุอาหารสำหรับหลายคนลงมาที่รถอีกรอบและระหว่างนั้นฝนก็เทลงมาอย่างหนัก และเจ้าของรถเมอเซเดสคันที่รถดอดจ์คันเก่าของเธอจอดขวางอยู่ก็กำลังรออยู่เช่นกันแต่ใครจะคิดล่ะว่าเจ้าของรถเมอร์เซเดสคันนี้จะเป็นหนุ่มสุดเซ็กซี่เหลือร้ายที่เมลคิดว่าเขาเกิดมาเพื่อฆ่าฮอร์โมนเพศหญิงทุกคนที่เขาได้พบได้เลยชียวล่ะ

แม้ว่าเมลจะเห็นเขาผ่านเม็ดฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนักและฝนที่ตกลงมาตอนนี้ทำให้สภาพของตัวเองแทบดูไม่ได้เลยก็ตามทั้งแบกถังใส่อาหาร ส้นรองเท้าหัก และมาสคาร่าที่เลอะเปื้อนตาเหมือนแลคคูณ และการที่เมลยิ่งพาเจ้ารถดอดจ์ของเธอออกไปให้พ้นทางเมอเซเดสคันนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ซะแล้ว เมื่อดอดจ์คันเก่าไม่ให้ความร่วมมือนิ่งสนิท และนั่นทำให้ชายหนุ่มเจ้าของเมอเซเดสต้องยื่นมือเข้ามาแก้ปัญหาให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะการที่เขาจัดการปัญหาเร็วเท่าไหร่เก็จะได้ออกจากที่นี่เร็วเท่านั้น

สำหรับคริสโตเฟอร์ บิชอป แล้วการที่ต้องมาติดอยู่กลางสายฝนและพยายามซ่อมรถเก่าๆหนึ่งคันนั่นคิดว่าแย่พอแล้วแต่การที่คริสต้องสูญเสียกงเกงของเขาไปเพราะเบาะรถที่มีสปริงคอยทิ่มก้นเขาอยู่นั่นไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยซักนิดแต่มันก็ย่อมคุ้มกับรางวัลที่เขาได้มานั่นคืออาหารจากแพมเพอร์แพลลิทคริสแน่ใจว่าอย่างนั้นนะและยิ่งเขาแก้ปัญหาเรื่องรถได้เร็วเท่าไหร่เขาก็ได้รีบออกจาตรงนี้ได้ไวเท่านั้นและกลิ่นของผู้หญิงคนนี้ก็หอมน่ากินแม้ว่าขอบตาเธอจะเหมือนแลคคูณก็เถอะและทั้งเมลและคริสก็หวังว่าพวกเขาคงจะไม่ต้องเจอกันอีก แต่สิ่งที่ทั้งสองคนหวังไว้มันไม่เกิดขึ้นแน่นอนอยู่แล้วเมื่อคริสคือนักบัญชีที่มีส่วนในการตัดสินใจของธนาคารที่จะต้องอนุมัติเงินกู้ก้อนใหม่สำหรับกิจการแพมเพอร์แพลลิทของเมล และ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเมลต้องทำหน้าที่เป็นคู่ควงให้คริสเพื่อที่เขาจะได้หลุดพ้นจากเกมส์การจับคู่ของแม่ที่เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป
แล้วดูเหมือนว่าความต้องการที่จะไม่ต้องเจอหน้ากันของทั้งสองคนจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้วสำหรับเมลแล้วนอกจากงานแล้วเธอยังไม่คิดจะมองหาผู้ชายหรือความรักหลังจากการหักหลังของอดีตคู่หมั้นจอมโกหกหลอกลวงแต่ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและคริสโตเฟอร์นั้นมันเหมือนมีแรงดึงดูดเข้ากันตลอดเวลา และ คริสโตเฟอร?เองความรักสำหรับเขามันไม่มีวันเป็นไปได้แน่นอนและเขาก็ไม่ได้มองหามันในตอนนี้และเขามาเพื่อประเมินกิจการของเมลานี กิ๊บสันเท่านั้นเขาไม่ได้เตรียมตัวสำหรับความรักแต่ยิ่งเขาได้เห็นหน้าเมลและได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าเขาไม่มีวันปล่อยให้เมล กิ๊บสัน หรือ เมลานี กิ๊บสัน หลุดมือไปอย่างแน่นอน

อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้น่ารักมากกกกกก ส่นตัวเราที่ชอบที่สุดยิ่งกว่าพระเอก – นางเอก ก็คือนาน่าย่าของนางเอก นาน่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก บางซีนอ่านไปก็ยิ้มไป และ  หลายตอนในเล่มนี้อ่านไปก็ทำให้ยิ้มตามได้เบาๆค่ะ แม้สำหรับเราคิดว่าพระเอกคาแร็คเตอร์ไม่โดดเด่นเท่าไหร่เล้ยยยยย เราอ่านไปนึกภาพในหัวไม่ออกเท่าไหร่ว่าพระเอกจะต้องเป็นแบบไหน นางเอกต้องมีคาแร็คเตอร์ยังไง เสียงในหัวไม่กระซิบตามเท่าไหร่ค่ะ อิ อิ จริงๆเป็นพล็อตที่น่ารักมากนะคะ แต่เราว่าเราอ่านแล้วออกจะเรียบๆเรื่อยๆไม่ค่อยมีแรงกระตุ้นให้อยากอ่านต่อเท่าไหร่ (สำหรับเราเองนะคะ)

15 เมษายน, 2555

อัคคีราชันย์ The Fire Lord’s Lover – by……Kathryne Kennedy




- อัคคีราชันย์  The Fire Lord’s Lover – by……Kathryne Kennedy
- สำนักพิมพ์ เกรซพับลิซชิ่ง
- หนังสือแนว พารานอมอล ย้อนยุค(Georgian fantasy)
- ผู้แปล กัญชลิกา 
- จำนวนหน้า 328 หน้า




อัคคีราชันย์  The Fire Lord’s Lover – by……Kathryne Kennedy

งานชุดใหม่ของแคทธลีน เคเนดี้ ชุดนี้เพิ่งมีโอกาสได้หยิบมาอ่านหลังจากสอยมาแล้วดองไว้ซักพักเล่มนี้เป็นล่มแรกของชุด ราชาเอลฟ์ จริงๆช่วงนี้ยังไม่อยากอ่านแนวพาราฯเลยค่ะ อยากอ่านแนวย้อนยุคมากกว่ารู้สึกขาดแนวย้อนยุคไม่ได้ซะงั้น(ก็เป็นแนวที่เราชอบที่สุดนี่เนอะ) แต่ที่หยิบเล่มนี้มาอ่านเพราะเป็นย้อนยุคกึ่งๆพาราฯนี่แหละที่ตัดสินใจหยิบมาอ่าน เล่มนี้อ่านตอนไปโรงยาบาลระหว่างนั่งรอหมอค่ะ ซึ่งตอนนั้นเราอ่านได้เร็วมากแป๊บเดียวไปเกือบค่อนเล่มแล้วพอกลับมาถึงบ้านก็ยังไม่ได้อ่านต่อซะที ผ่านไปสองวันหยิบมาอ่านใหม่พบว่าทำไมมันเอร่อออค่อนข้างเนิบนาบก็ไม่รู้ อ่านไปก็ชักจะส่ายหัวไปและแอบคิดว่าสงสัยอารมณ์เราคงไม่ต่อเนื่องที่อ่านล่มนี้ไม่จบในคราวเดียวเลยทำให้อารมณ์คล้อยตามมันสะดุดก็ได้มั้งเราคิดอย่างนี้จริงๆ^^

หลังจาที่ โดมินิค เรคส์ ลูกชายของลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่จากวังไฟร์เฮม ของ นครอัคคี รบชนะในสงครามครั้งสุดท้าย และเขาหวังว่าจะได้รับการยอมรับจาก มอร์เดด พ่อของเขาเอง แต่สิ่งที่โดมินิคหวังไม่คยเกิดขึ้นกับลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่  สำหรับโดมินิกแล้วเขาคือความผิดพลาดของลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยยอมรับในตัวลูกชายที่เป็นมีแม่เป็นเพียงทาสแต่ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงลูกครึ่งเอลฟ์ที่พ่อชอบเล่นสนุกใช้พลังอำนาจทดสอบตัวเขากับพลังอำนาจที่มีและนั่นทำให้โดมินิคต้องซ่อนเร้นพลังอำนาจบางอย่างที่เขามีไม่ให้ลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ได้ล่วงรู้ แม้ว่าความสนุกของพ่อจากการทดสอบพลังกับเขาจะทำให้โดมินิคแทบหมดแรงเขาตระหนักตลอดมาว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต่อสู้กับชะตากรรมที่ลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่อย่างพ่อเขาเป็นคนกำหนดขึ้น

และแม้ว่าโดมินิคอยากจะฆ่าพ่อของเขามากแค่ไหนก็ตามหลังจากที่เขาเคยพยายามและนั่นทำให้เพื่อนรักของเขาต้องจบชีวิตลงโดมินิคบอกตัวเองไว้ว่าเขาจะไม่ยอมมีความรักและความผูกพันธ์กับใครอีกและตอนนี้ชะตากรรมอีกอย่างที่พ่อของเขาต้องการก็คือการที่เขาต้องแต่งงานมีภรรยาและลูกเป็นผู้พิชิตและเมื่อลอร์ดผู้ยิ่งหญ่ต้องการมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นแต่สิ่งสำคัญคือเขาจะไม่ยอมให้ลูกและภรรยาในอนาคตของเขาต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อนำมาต่อต้านตัวเขาเอง

สำหรับเลี้แคสซานดร้า บริดเจด  การจะต้องแต่งงานและเพื่อทำให้สามีไว้วางใจหล่อนให้ได้มากที่สุดงานที่หล่อนได้รับมอบหมายให้ทำก็จะยิ่งมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นเท่านั้นทั้งหมดนี้ก็เพื่ออิสระภาพของผู้คนในอังกฤษที่กำลังตกอยู่ในอันตรายและโอกาสเดียวที่จะจบเกมจากสงครามที่ยืดเยื้อก็คือการแต่งงานกับผู้พิชิตนามโดมินิค เรคส์ และแม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงฉากบังหน้าที่จะเข้าถึงตัวของลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ก็ตามแต่นั่นจะสามารถทำให้แคสซานดร้าจัดการปลิดชีวิตของเขาได้เมื่อมีโอกาส แต่.......แคสพบว่าการแต่งงานกับโดมินิคที่ผู้คนต่างขนานนามเขาว่าเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้นนั่นอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อแคสพบว่าเรคส์มีมากกว่าสิ่งที่เขาแสดงออกให้ผู้คนทั่วไปได้เห็น

แต่นั่นจะทำให้แคสเปลี่ยนใจจากเป้าหมายในการที่จะเอาชีวิตลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้และการทำให้สามีไว้วางใจหล่อนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งจะเข้าถึงตัวเป้าหมายได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ขอบอกตรงๆว่าระหว่างนี้เรากลับไม่ค่อยพบว่าแคสพยายามทำเพื่อเข้าถึงตัวพ่อของโดมินิคเท่าไหร่เลยแหะ
และอีกอย่างสำหรับเราๆคิดว่าแคสเป็นนางเอกที่เรียบง่ายมากกกกกกไม่มีจุดเด่นที่ทำให้เราจดจำเธอได้เลยทั้งๆที่ช่วงแรกเราอ่านได้ไวมากๆเลยและคิดว่ามันน่าจะสนุกขึ้นเรื่อยๆแต่กลับคิดว่าเนื้อเรื่องก็ด้วยที่ทำให้แทบไม่มีอะไรเลย ทั้งๆที่เราชอบชุดแรกที่แปลของแคทธลีน เคเนดี้มากระดับนึง แต่เล่มนี้สำหรับเราเทียบชุดนั้นแล้วไม่ตื่นเต้นเท่าเลยค่ะ สำหรับเราคิดว่าคาแร็คเตอร์นางเอกมันราบเรียบมากกกกซะจนคิดว่าคนที่ได้รับมอบหมายงานสำคัญๆในการที่จะมาจัดการกับคนๆนึงที่เก่งพอตัวต้องมีอะไรที่โดดเด่นและเก่งพอตัวแต่เท่าที่อ่านเราว่านางเอกไก่กามาก =_=”

จริงอ่านๆไปรากลับชอบพ่อพระเอกแหะชอบในความเลวๆของเขานี่แหละจนอ่านไปนึกอยากให้มีเล่มของเขาออกมาซะงั้น 55+ แม้ว่าสำหรับเราแล้วลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่ไม่เห็นจะน่ากลัว ตรงไหนเลยเหอะ แต่เสียดายที่(สปอยล์)ตายไปซะแล้ว – และพูดตรงนี้เราอ่านไปยิ่งพบว่าการที่ทำให้ลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่จบลงแบบนี้เราโอเคแต่การที่(สปอยล์)โดมินิคต้องมาสวมรอยเป็นลอร์ดผู้ยิ่งใหญ่แทนพ่อของเขาที่ตายไป – แล้วทุกคนก็เชื่อนี่มันแปลกๆไงไม่รู้สิหรือเราจะรู้สึกไปเองคนเดียว แต่เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้คนเขียนก็บอกไว้แหละเพียงแต่เราสะดุดไปเองสำหรับโดมินิคเองเราก็ไม่ได้กรี๊ดกร๊าดอย่างที่ควรจะเป็นกับพระเอกแนวโปรดเราที่ชอบคือเก็บตัวเก็บอารมณ์เก็บความรู้สึกไม่ให้คนอื่นรู้ว่าคิดอะไร รู้สึกยังไง แต่เรากลับคิดไปอีกอย่างว่า แหม่ท่านนายพล(หรือพลเอกดี)ก็น่าเบื่อเหมือนกันนะนี่ อ่านมาทั้งเล่มจุดพีคๆในเรื่องแทบไม่มีเลยค่ะ(สำหรับเรา)แม้แต่ช่วงเลิฟซีนเองเราว่ามันแปลกๆไงไม่รู้ แต่นั่นคงไม่ทำให้เราเลิกอ่านชุดนี้ไปหรอกนะคะยังรออ่านเหมือนเดิมเพียงแต่สำหรับชุดนี้และเล่มแรกผิดคาดไปหน่อยสำหรับเรา


12 เมษายน, 2555

รวมหนังสือจากงานหนังสือครั้งที่ 40 ที่สอยมาทั้งหมด แค่เบาๆนะ(กระเป๋าตังค์นะเบา)


ทั้งหมดทั้งมวลเสียทรัพย์ไปกระเป๋าเบาโหวงเลย รวมราคาเบ็ดเสร็จเท่าไหร่จำไม่ได้ไม่แน่ใจแต่ภาพหลักฐานเท่าที่เห็นทั้งหมดก็พอจะรู้เนอะ ไปเดินงานวันศุกร์ที่ 6 เม.ย 55 ค่ะ ซื้อเสร็จส่งกลับเองกล่องนึง อีกกล่องนึง(กล่องใหญ่ฟายๆ)โยนความลำบากให้เพื่อนส่งให้ 55555+ กว่าหนังสือจะมาถึงวันก่อนนี่เอง เบ็ดเสร็จรวมแล้ว 30 เล่มเองค่ะ

เสียดายไม่ได้เดินหลายบูธเลยทั้ง บูธบลิส คริสตัล ฯลฯ หลักๆเดินไปได้ไม่กี่บูธเอง คนเยอะล้านแปดมาก ถ้าได้เดินครบตามที่ลิสต์ไว้คงได้เสียทรัพย์เยอะกว่าเน้แหงๆ

รายชื่อหนังสือ รูปข้างบน

- นักล่าอาญาสวรรค์ / นลินี ซิงค์
- พิชิตรักพิทักษ์เธอ / นอร่า โรเบิร์ต
- เงารักราตรี / นอร่าโรเบิร์ต
- เจ้าสาวปริศนา /แมรี่ บาร็อค
- คริสมาสต์ฝันรัก / แมร่ บาร็อค
- นทีในดวงใจ (เล่ม 4 ชุดเชสพีค) / นอร่า โรเบิร์ต
- เพลิงรักพรางใจ / Gena Showalter
- เพลิงผลาญใจ / Gena Showalter
- แม่ครัวตัวยุ่ง / Jacquie D'Alessandro
- จุมพิตรัตติกาล / Lara Adrian
- เพลิงร้ายไฟรัก / เจสสิก้า ฮอลล์ (เพลิงร้ายไฟรัก และ รอยรักลวงอดีต ซื้อในราคาพิเศษ 175 บาท หรือ 195 บาทไม่แน่ใจค่ะ)
- รอยรักลวงอดีต / แอน สจ๊วต (เพลิงร้ายไฟรัก และ รอยรักลวงอดีต ซื้อในราคาพิเศษ 175 บาท หรือ 195 บาทไม่แน่ใจค่ะ)
- ไอรักในดวงใจ - ลาเวิร์ล สเปนเซอร์
- เลห์รักประดับใจ - นอร่า โรเบิร์ต
- เจ้าสาวแดนมายา / Ilona Andrews







- The Duke Is Mine / อิลอยซ่า เจมส์ (เล่มนี้เพื่อนให้มา)
- มฤตยูผู้พิทักษ์ / J.R. WARD (เล่มเรจจาก BDB แบบอันคัต!)
- บอดี้การ์ดยอดรัก / เบเวอร์รี่ บาร์ตัน
- มรดกสื่อรัก / เบเวอร์รี่ บาร์ตัน
- นางฟ้าในหัวใจ / SEP (ซื้อมาแทนเล่มที่เคยมีแล้วหายไป)
- แองเจิ้ลครีก / ลินดา โฮเวิร์ด (เล่มต่อจาก กุหลาบในมือมาร)
- จังหวะแห่งหัวใจ / นลินี ซิงค์
- หมาป่าหนุ่มจอมพยศ / ลิเดีย แดร์
- ยอดหญิงของหมาป่า / ลิเดีย แดร์
- ดวงใจปีศาจ / Gena Showalter
- จุมพิตปีศาจ / Gena Showalter
- นางฟ้าของปีศาจ / Gena Showalter
- บ่วงรักสายลับ / เซเลสต์ แบรดลีย์
- สะดุดรักสายลับ / เซเลสต์ แบรดลีย์
- เล่ห์รักสายลับ /  เซเลสต์ แบรดลีย์


รวมสามสิบเล่มพอดิบพอดี ไม่ขาดไม่เกิน อยากได้อีกหลายเล่ม แต่ไม่ได้เดินลย แอบเสียดายค่ะ  
แต่ใช่ว่าจะเลิกซื้อหลังจาดนี้นะ เดี๋ยวพอเห็นเล่มไหนโดนใจก็จัดอีกแหละ ห้ามใจไม่ซื้อไม่ได้ซะที โดนบ่นประจำ กรั๊กๆ

02 เมษายน, 2555

Honey Madeleines







ต้องบอกว่าสำหรับมาเดอลีนแล้วเป็นขนมที่ชอบมากๆค่ะ ลองทำมาหลายสูตรและสูตรนี้เป็นอีกสูตรที่ชอบมากๆเพราะเนื้อเนียนละเอียดมากๆค่ะ แล้วก็หอมน้ำผึ้งมากๆอีกด้วยแถมวิธีทำก็ง่ายมากๆค่ะไม่กี่นาทีก็ได้กินแล้ว และ ยังสามารถทำแบทเทอร์แช่ตู้เย็นไว้ได้เลยอยากอบตอนไหนก็สะดวกมากเลยค่ะ

สำหรับสูตร มาเดอลีนอันนี้เป็นสูตรของ จอมโหด กอร์ดอน แรมเซย์ จากหนังสือ BBC GoodFood ค่ะ
วัตถุดิบก้ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย ทำก็ง่าย กินก็ง่ายแบบนี้ ต้องลองนะคะ หอมอร่อยถูกใจมากๆ ^^


สูตร Honey Madeleines

- ไข่......3 ฟอง
- น้ำตาล..........80 กรัม

- น้ำผึ้ง..................1 ช.ต
- แป้งเอนกฯ.............80 กรัม
- อัลมอนต์มีล...............40 กรัม
- เนยละลาย...................75 กรัม
- วนิลลา...........1/2 ช.ช

วิธีทำ


- ละลายเนยพักไว้ให้เย็น อัลมอนต์มีล กับแป้ง ร่อนรวมกันพักไว้


- ตีไข่ + น้ำตาล ด้วยตระกร้อมือ เสร็จแล้วใส่น้ำผึ้ง กับ วนิลลาลงไป คนให้เข้ากัน ใส่แป้งที่ร่อนรวมกับอัลมอนต์ คนให้เข้ากัน แล้วค่อยใส่เนยละลาย เสร็จแล้วก็อบได้เลย หรือพักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 15 นาที หรือ


ครึ่งชั่วโมงหรือข้ามคืนค่ะสามารถทำแบทเทอร์ไว้ล่วงหน้าก่อนอบแล้วพักในตู้เย็นเตรียมไว้ได้เลย อบไฟ 170 - 190 ํ C ประมาณ 10 - 12 นาที