22 ธันวาคม, 2554

Cry No More (หัวใจกำสรวล) - By.....LINDA HOWARD


- Cry No More  (หัวใจกำสรวล) - By.....LINDA HOWARD 

- สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

- หนังสือแนว romantic suspense

- ผู้แปล พิชญา





สำหรับ “หัวใจกำสรวล” เล่มนี้อินอ่านครั้งนี้ครั้งที่สองค่ะ ครั้งแรกอ่านเราว่าซึ้งแล้วนะ
รอบนี้อ่านแล้วเก็บรายละเอียดมากขึ้นและก็ยิ่งชอบค่ะ แม้ว่าเรื่องนี้พล็อตจะค่อนข้างหนัก
และเครียดระดับนึง แต่ถือได้ว่าอ่านสนุก น่าติดตามตลอด อ่านแล้วมันบีบคั้นอารมณ์ดี
ตอนอ่านเรารู้สึกตาม มิลล่า เลยว่าเธอเจ็บปวดจริงๆ ในความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อลูกถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา และทำให้เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด 
                           
มิลล่าเองเธอก็ไม่ยอมแพ้แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่าสิบปีที่ลูกเธอได้ถูกขโมยไป
เธอเองมีความหวังอยู่เสมอว่าลูกชายของเธอยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนซักแห่ง
แต่หลังจากนั้นไม่นานสามีของเธอขอหย่าขาดแต่มันไม่ใช่ความผิดเขาที่ขอแยกทาง
เพราะมิลล่ารู้ตัวดีว่าหลังจากที่ลูกได้ถูขโมยไปเธอก็ไม่มีความคิดอยู่ที่ใครอีกแล้วนอกจากทุ่มเททั้งหมดมุ่งไปที่การหาตัวลูกชายเธอให้พบ และหลังจากนั้นไม่กี่ปีมิลล่า
ก็ก่อตั้งไฟน์เดอร์หน่วยงานเพื่อตามหาเด็กที่สูญหายกลับคืนมา

หลังจากแปดปีของการตามหาลูกโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยมิลล่าก็ได้ยินชื่อของ ดิแอซ
บุคคลซึ่งอาจจะพาเธอไปพบกับร่องรอยและข้อมูลที่อาจเกี่ยวโยงไปถึงจัสตินลูกชายของเธอ 
แต่ในอีกด้านหนึ่งอิแดซ คือบุคลซึ่งลึกลับและอันตราย
หลังจากมิลล่าได้รับความช่วยเหลือจากดิแอซเบาะแสและร่องรอยต่างๆของคนที่ขโมยลูกไปเมื่อสิบปีก่อนก็เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นและทำให้มิลล่ามีความหวังอยู่เสมอว่าลูกชายของเธอยังมีชีวิตอยู่และหลักฐานต่างๆเริ่มชัดเจนขึ้นว่าคนที่เป็นตัวการในเรื่องนี้คือคนใกล้ชิดที่มิลล่าเธอไว้ใจมากๆ

เล่มนี้ตอนอ่านอย่างที่บอกว่าพล็อตจะหนักพอควรแต่สำหรับอินไม่ถือว่าเครียดเลยค่ะ
เพราะเราสนุกกับเนื้อเรื่องมากๆและความแมนติคของพระเอก – นางเอก
 ก็ไม่ได้จืดชืดแต่อย่างใดกำลังดีเลยค่ะเรื่องนี้คาแร็คเตอร์นางเอกจะเด่นมากๆ
ชอบมิลล่าที่เธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆและมีความเชื่ออยู่เสมอว่าเธอต้องได้พบกับลูกในซักวัน 
แม้ว่าคนรอบๆตัวจะบอกให้เธอพอและวางมือในเรื่องนี้ซะทีเพราะคนอื่นเชื่อว่า
ลูกของเธอตายไปแล้วแต่เราว่าสัญชาตญาณของความเป็นแม่มันทำให้เธอเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้         
 เราได้รับรู้ในความรู้สึกของมิลล่าผ่านตัวหนังสือเรายังเจ็บปวดและซึ้งไปด้วยเลยค่ะ

เข้าใจความรู้สึกของมิลล่ามากๆว่า(สปอยล์) ถึงแม้เธอจะค้นหาตัวลูกชายจนพบแต่ไม่สามารถเข้าไปหาหรือแนะนำตัวเองกับเขาได้ว่าเธอคือแม่ของเขาจริงๆ และเขาคือลูกของเธอที่โดนขโมยมา ตอนนี้อ่านแล้วบีบคั้นหัวใจมากๆสงสารมิลล่าที่สุดคือหลังจากที่รู้ว่าลูกชายเธออยู่กับครอบครัวใหม่ที่รับเลี้ยง(โดยที่ครอบครัวที่รับเลี้ยงไม่รู้ว่าเด็กคนนี้คือเด็กที่โดนขโมยมาขาย) มิลล่าได้อธิบายให้พวกเขาฟังว่าเธอคือใคร แต่เธอไม่ได้ต้องการมาแย่งลูกไปจากครอบครัวนี้เธอเพียงให้พวกเขาตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องของเธอให้จัสตินลูกชายของเธอฟังหรือไม่เท่านั้นเองเธอเพียงแค่เขียนจดหมายไว้ให้ลูกชายแค่หนึ่งฉบับจนกว่าเขาจะต้องการอ่านและรับรู้ข้อมูลส่วนนี้


แต่เราไม่เข้าใจอยู่ตอนนึงที่(สปอยล์) ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายและหลักฐานหลายๆอย่างเริ่มปรากฏแต่สุดท้ายคนที่มาทำลายหลักฐานชิ้นสำคัญก็คือ ดิแอซ เองเพียงเพื่อเขากลัวว่ามิลล่าจะพบตัวลูกชายและไม่ต้องการให้เธอเจ็บปวดและการปรากฏตัวของมิลล่าอาจทำลายชีวิตของลูกชายเธอและทั้งหมดทั้งมวลที่ทำมาทั้งหมดล่ะ ตอนนี้เรายอมรับว่าเซ็งดิแอซมากกกกเราสงสารมิลล่ามากกว่าว่าสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดกำลังจะเริ่มคลี่คลายแล้วแต่คนที่ช่วยเธอมาตลอด กลับเป็นคนทำลายซะเอง ส่วนนึงเราก็เข้าใจความรู้สึกของดิแอซนะคะแต่เราคิดว่าเรื่องจะเป็นยังไงขอให้มิลล่าเลือกหรือตัดสินใจเองได้ไหมไม่ใช่เขามาคิดหรือกลัวแทนเพราะเราเชื่อว่ามิลล่าเธอเข้มแข็งมากๆเพราะเวลากว่าสิบปีมันทำให้เธอรับมือกับสิ่งต่างๆได้แน่นอน


แต่สิ่งที่ทำให้เราบ่อน้ำตาแตกปิดท้ายเรื่องนี้คือตอนสุดท้ายเลย(สปอยล์)สิบปีต่อมาจัสตินมาที่บ้านแล้วมิลล่าบอกว่าแม่รอเวลานี้มานานเหลือเกิน คือเข้าใจความรู้สึกนี้เลย และสุดท้ายอยากบอกอีกครั้งว่าเราชอบเล่มนี้มากๆใครยังไม่เคยอ่านลองดูนะคะ เชื่อว่าถ้าใครได้อ่านแล้วคงเปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิตที่เราคิดว่าแย่แล้วพออ่านเรื่องนี้จะรู้ว่าทำไมคนๆนึงถึงมีกำลังใจและไม่ยอมหมดหวังกับชีวิตเราเืชื่อว่าหนังสือเล่มหนึ่งให้คุณได้มากกว่าแค่ความบันเทิง(ที่หลายๆคนมองว่า)ฉาบฉวยค่ะ








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น