27 ธันวาคม, 2557

DIY Gift Wrap จากแกนทิชชู่ให้เป็นกล่องของขวัญเล็กๆน่ารักๆกันค่ะ





เห็นงาน DIY จากแกนทิชชู่มาหลายครั้งก็เก็บไว้เป็นแรงบันดาลใจไว้เรื่อยมาโดยเฉพาะรูปใน  pinterest.com จะมีรูปสวยๆให้ดูเยอะมาก วันนี้มีโอกาสได้ลองทำซะทีเข้ากับเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่แบบนี้พอดีค่ะ เป็นสิ่งที่ทำง่ายมากอุปกรณ์เราเชื่อว่าหาได้ง่ายๆในบ้านอยู่แล้ว

 และมีไม่กี่อย่างใช้เวลาทำไม่นาน ก็ออกมาเป็นแพ็คเกจน่ารักๆ(มาก)เก๋เบาๆไว้ใส่ของขวัญ ใส่ขนม ใส่ช็อกโกแลต คุกกี้ ลูกอม มาการอง คุ้กกี้ ไว้แจกปีใหม่แบบไม่ซ้ำแบบใคร และเชื่อว่าคนรับต้องถูกใจแน่นอน และที่สำคัญทำจากของที่เรียกได้ว่าเราแทบจะมองข้ามไปเลยอย่างแกนทิชชู่แบบนี้ ลองดูนะคะไม่ยากเลย

สิ่งที่ต้องเตรียม 


 - แกนทิชชู่

- ริบบิ้น /เชือก / โบว์

- กระดาษลายน่ารักๆ / หรือกระดาษสีพื้นๆ/ ผ้าสีพื้น หรือ แบบมีลายอะไรก็ได้

- กาว หรือ เทปใส (เราใช้เทปใส)



- เริ่มลงมือกันเลย ด้วยการนำแกนทิชชู่มาพับแต่ละด้านให้มุมมาบรรจบกันแบบนี้ ทำทั้งสองด้านเลยค่ะ



- แล้วก็เลือกเอาริบบิ้น หรือ กระดาษ มาติดไว้ตรงกลางแบบนี้แล้วแต่จะครีเอทกันเลยค่ะว่าชอบลายไหนสีไหน เราใช้เทปใสยึดเกาะริบบิ้นไว้ไม่ให้เลื่อนหลุด


 - ผูกโบว์จากริบบิ้นสีตัดกันอีกครั้ง แค่นี้ก็ได้สิ่งเล็กๆกิ๊บเก๋แบบนี้ไว้ใส่ของเล็กๆน้อยๆไว้แจกกันแล้วค่ะ






  - อันนี้ใช้กระดาษลายน่ารักสีแจ่มๆแล้วผูกด้วยเชือกพัสดุจากกล่องไปรษณีย์ที่ตัดออกจากกล่องก็น่ารักดีน๊า



เลอค่ามีความสุขทั้งคนให้และคนรับแน่นอนค่ะ ^^



 

25 ธันวาคม, 2557

2014 Reading Challenge หนังสือที่อ่านในปีนี้




2014 Reading Challenge

สรุปหนังสือของเราที่อ่านในปีนี้จริงๆตั้งเป้าใน goodreads ไว้แค่ 30 เล่มเอง ฮ่าๆ(ช่างกล้า!!)และเป็นโรมานซ์แบบเน้นๆเลย เพื่อที่ว่าจะได้แลดูเหมือนไม่เยอะเกินไป แม้ปีนี้จะอ่านได้เกินเป้าคือ 60 เล่ม(มันกล้าพูดเหมือนเยอะเนอะ) แต่จริงๆแล้วโคตรน้อยเลยอ่านยังไงเนี่ยไม่ถึงร้อยเล่ม 5555 ทุเรศจริงๆ

สำหรับเราย้อนยุคก็ยังเข้าวินเยอะที่สุดคือเกินครึ่งไปแล้วถึง 32 เล่ม ส่วนที่เหลือก็เป็นคอนเทมและพาราฯตามระเบียบ เดี๋ยวปีหน้าตั้งเป้าใหม่แต่จะได้กี่เล่มไว้มาดูกันอีกที ใครอ่านไปมากน้อยแค่ไหนบ้างคะสำหรับปีนี้ร่วมแชร์กันได้นะคะ

favorite book of 2014






ถึงปลายปีแล้วเลยรวบรวมลำดับหนังสือ(แปล)ที่ได้อ่านในปีนี้แล้วชอบ มาจัดอันดับไว้ยอมรับเลยว่าปีนี้อ่านน้อยลงที่อ่านจบไปแค่ประมาณหกสิบเล่มได้ และยังคงอ่านเล่มเก่าซ้ำๆอยู่หลายเล่ม 555 สิบอันดับในปีนี้คือเท่าที่สังเกตตัวเองจะชอบแนวดราม่าน้ำตาแตกและพระเอกไม่สมบูรณ์แบบหลายเล่มเลยแฮะ ^^

และสำหรับเราย้อนยุคยังมาวินมากที่สุดอยู่ดีเกินครึ่งเลยทีเดียว พาราฯมีหลุดเข้ามาตั้งเล่มนึง(เพราะออกน้อยเหลือเกินนี่นาใช่มั้ย) จริงๆอ่านเล่มเก่าซ้ำไปหลายรอบหลายเล่มเลยเหมือนกันจะเอามาใส่อันดับก็จะเหมือนกับของปีที่แล้วไปนะว่ามั้ย 555 แต่เล่มเก่าๆที่ชอบอ่านแล้วไม่เคยเบื่อจริงๆนี่นาเนอะ

จัดอันดับส่วนตัวได้ออกมาตามนี้เลยค่ะ

1. ปริศนาเงาอดีต / ลินดา โฮเวิร์ด

งานของลินดาไม่ค่อยจะทำให้ผิดหวังอยู่แล้วพัฒนาการของตัวละครอย่างนางเอกอ่านแล้วโคตรเก็บกดแต่นางเอกใช้ความเก็บกด และความกดดันเหล่านั้นเป็นแรงผลักดันและต่อสู้ให้ตัวเองลุกขึ้นมากับการดำรงอยู่อีกครั้งพร้อมกับชีวิตที่ปราศจากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแล้วนางเอกต้องใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ตั้งกี่ปี

2. โฉมงามพิชิตรัก / เอลอยซ่า เจมส์

ผู้ชายปากหมาขวานผ่าซากและอารมณ์ร้ายแบบเพียร์สพระเอกในเรื่องนี้หลังจากอ่านแล้วก็ทำให้เล่มนี้กระโดดพรวดขึ้นมาติดอันดับสำหรับเราอย่างไม่ต้องสงสัย และที่สำคัญความไม่สมประกอบของพระเอกนี่แหละทำให้เราติดหนึบและเทคะแนนให้ไปหมดหน้าตักแถมชูป้ายไฟรัวๆ

3.บาปที่แสนหวาน / Inez Kelley

เรื่องนี้เริ่มแรกมา อาจจะเหมือนนิยายคอนเทมฯทั่วไป เพื่อนบ้านที่มาหลงรักกันตามแพทเทิร์นเดิมๆ แต่เดี๋ยวก่อนซาร่า!! เมื่อคุณอ่านไปเรื่อยๆจะพบว่าความดราม่ามันได้ก่อตัวขึ้นเหมือนพายุที่พร้อมจะกระหน่ำลงสู่ตัวคุณอย่างแรงเชียวแหละ เคยไหมอ่านหนังสืออยู่และเกิดอาการทั้งรักและทั้งเกลียดพระเอกในเวลาเดียวกัน แต่สุดท้ายก็เกลียดมันไม่ลง เล่มนี้เป็นเช่นนั้นเลย

4.พยัคฆ์สาวผู้พิทักษ์ / J.R. WARD

เล่มนี้ยอมรับเลยคู่ที่ขโมยซีนแซงหน้าคู่ของเพนน์คือวีกับเจนทำให้เราได้เห็นมุมมองของวีกับเจนชัดขึ้น แต่คู่เพนน์ก็โอเคแหละแต่ตัวเราดันชอบเล่มของวีมากๆอยู่แล้วไงเล่มนี้เลยขโมมยซีนน้องสาวคู่แฝดเห็นๆ 555

5.ดวงใจดยุค / เอลิซาเบธ ฮอยต์

เป็นเล่มที่เราชอบที่สุดของชุด ณ ตอนนี้เลย พระเอก นางเอก ต่างชั้นวรรณะกันแบบสุดขั้ว แต่การดำเนินเรื่องกลับน่ารักมากมาย

6. สายใยแห่งรัก / ลินดา โฮเวิร์ด

เล่มบางๆเล่มสุดท้ายของชุด Kell Sabin ที่แบบว่ามีครบทุกรสชาติเลยจริงๆ และที่สำคัญพระเอกมีตำหนิอีกแล้ว ฮ่าๆชอบ

7.ศัตรูคู่เสน่หา / Judith Mc Naught

แนวอัศวินยุคกลางอ่านแล้วสงสารพระเอกสุดๆใครชอบแนวอัศวินยุคกลาง(เหมือนเรา)ไม่ควรพลาาดนะคะ

8. เล่ห์รักสายลับ / Celeste Bradley

เล่มสุดท้ายในชุดที่อ่านท้ายที่สุดจริงๆเพราะดองไว้นานมากกว่าจะหยิบมาอ่าน และก็เป็นเล่มที่ชอบมากที่สุดในชุดนี้ของรอยัลโฟร์เลยเหมือนกัน

9. Candle in the Window / Christina Dodd

ยุคกลางอีกแล้ว แต่ที่ชอบเพราะทั้งพระเอกและนางเอกในเรื่องนี้ตาบอดด้วยกันทั้งคู่พระเอกตาบอดโดยที่ไม่รู้ว่านางเอกก็ตาบอดเหมือนกันจึงกลั่นแกล้งนางเอกสาระพัด จนเมื่อรู้ความจริงว่าจริงๆแล้วนางเอกตาบอดและตัวเองเข้าใจผิดมาตลอดนี่แหละ โฮๆๆๆ

10. หัวใจซ่อนรัก / Courtney Milan

เรื่องสั้นเล่มบางๆอ่านจบไวจนตอนอ่านเราคิดว่าน่าจะมีต่ออีกหน่อยยังไม่ค่อยจุใจเล

ตามนี้เลยค่ะสำหรับอันดับของเรา แล้วของคุณละคะมีเรื่องอะไรในดวงใจบ้างสำหรับปีนี้ร่วมแชร์กันได้นะคะ

14 ธันวาคม, 2557

Until Forever -by Johanna Lindsey






* * * Until Forever -by Johanna Lindsey * * * งานป้าโจต้องมา

เล่มแรกแนวย้อนยุคข้ามเวลาพระเอกเป็นไวกิ้งที่ถูกสาปพร้อมดาบคู่กายเล่มมหึมาที่เปลี่ยนมือคนครอบครองมาแล้วหลายคนและก็ต้องทำตามความปราถนาของคนที่ได้ครอบครองดาบนี้ทุกประการเหมือนประมาณเป็นทาสสวาทนั่นแหละ (นึกถึงจูเลียนแห่ง DH เลยเนอะ)

ส่วนนางเอกเป็นศาสตราจารย์สอนประวัติศาสตร์ที่แบบว่าชอบเก็บสะสมของเก่ามากและพยายามที่จะซื้อดาบเล่มนี้มาแล้วหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จจนวันหนึ่งพี่ชายของนางเอกต้องยื่นมือเข้ามาช่ววยและซื้อมันมาได้ในที่สุด พอนางเอกสัมผัสกับดาบเล่มนี้พระเอกในคราบของนักรบไวกิ้งก็ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมที่จะรับคำสั่งจากคนที่ครอบครองดาบเล่มนี้แต่พระเอกกลับค้นพบว่านางเอกไม่เหมือนเจ้าของดาบคนอื่นๆที่เขาเคยพบเจอ

ส่วนนางเอกตอนแรกก็ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้กำลังเกิดขึ้นที่มีปิศาจนักรบไวกิ้งปรากฏตัวขึ้้นพร้อมกับเสียงฟ้าร้องฟ้าแลบในขณะที่เธอกำลังถือดาบโบราณเล่มนี้อยู่ แต่การพิสูจน์หลายครั้งและการกระทำบางอย่างจากพระเอกก็ทำให้เธอหมดความสงสัยในส่วนนี้ไป และแน่นอนสิิ่งที่อาจารย์สอนประวัติศาสตร์อย่างเธอต้องการจะรู้ก็คือเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาในยุคนั้นจากปากของพระเอก (ตรงนี้ไงที่นางเอกไม่เหมือนคนอื่น เพราะนางเอกไม่อยากได้ทาสสวาทแต่อยากรู้เรื่องราวในอดีีตมากกว่า)

และข้อเรียกร้องของนางเอกก็คือให้พระเอกพาข้ามเวลาไปยังอดีตยุคนั้นเพืืื่อจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนพระเอกก็ยอมตกลงเพียงงงแต่ต้องมีข้อแม้บางอย่างคือเขาจะต้องเป็นคนที่มีอำนาจเหนือดาบเล่มนี้แทนนางเอกเท่านั้นจึงจะข้ามเววลาไปยังอดีตได้ ส่วนนางเอกก็กลัวว่าพระเอกจะ(เนียน)ขโมยเอาดาบแล้วหนีไ

แม้พระเอกจะอธิบายว่าเขาไม่สามารถที่จะเอาดาบไปและหนีไปได้ถ้าเธอไม่อนุญาต ดังนั้นโรสจึงต้องเชื่อใจเขาและการเดินทางไปยังอดีตมีค่าพอที่จะเสี่ยง การค้นพบความปรารถนาที่เร้าอารมณ์ของทั้งคู่ก็ไม่มีวันสิ้นสุด แต่สิ่งเดียวที่จะปลดปล่อยเขาเป็นอิสระจากคำสาปได้ เธอต้องตัดขาดเขาออกจากชีวิตเธอไปตลอดกาลเท่านั้น

ตอนแรกอ่านแล้วคิดในใจเล่มนี้สี่ดาวแน่ๆชอบๆๆ แต่พออ่านๆไปถึงช่วงที่ทั้งคู่ข้ามเวลาไปมาอั๊ยย่ะ!!!!งงว่ะ โดยเฉพาะช่วงข้ามเวลามายังปัจจุบันฝั่งเวลาของนางเอกนี่แหละงงดีแท้ แต่ชอบช่วงเวลาในอดีตนะพระเอกมีหึงตัวเองด้วยอะ 555 แบบว่ากลัวตัวตนอีกคนหนึ่งของตัวเองที่ยังไม่รู้จักนางเอกจะชอบนางเอก และกลัวนางเอกจะไปชอบอีกตัวตนของตัวเอง คือมันหึงตัวเองว่างั้นเถอะ ฮ่าๆๆ

อย่างที่บอกตอนแรกให้สี่ดาวเลยสำหรับเล่มนี้ 
แต่พอไปโผล่ ณ ช่วงเวลาหลายๆรอบของปัจจุบันแล้วงงมากเอาไปแค่ 3 ดาวพอ
 

สายใยแห่งรัก / White Lies (Kell Sabin, #4) by Linda Howard

 






สายใยแห่งรัก / White Lies (Kell Sabin, #4) by Linda Howard

เล่มสุดท้ายของชุดล่ารักสุดสายรุ้งงานของลินดาหยิบมาอ่านเมื่อไหร่มักจะทำให้เราจดจ่ออยู่กับเนื้อเรื่องเสมอ เล่มนี้ก็เหมือนกันคือซื้อมาแล้วก็ดองไว้นานมากกว่าจะอ่าน แล้วพออ่านเรื่องย่อปกหลังบอกเลยเราไม่ค่อยชอบพล็อตแบบนี้อะ เลยวางๆไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยอ่านก็ได้วะไรงี้(มีสปอยล์เล็กน้อย)

เลยเพิ่งหยิบมาอ่านเมื่อวานแล้วตอนแรกอ่านๆไปก็แบบให้ตายเดะ ชั้นเบื่อคู่แต่งงานหย่าร้างจริงๆจะกลับมารักกันอิท่าไหนวะ แต่พออ่านๆไป เฮ้ยยยยยย เดี๋ยวก่อนนะนี่มันไม่ใช่อย่างที่คิดไว้แต่แรกแล้วสิ และบุรุษลึกลับคนที่สั่งการทำให้เกิดเรื่อง ลับ ลวง พราง ในครั้งนี้คือตัวพ่อระดับบิ๊กอย่างพระเอกในเล่มที่แล้วอีกด้วย

ที่สำคัญพระเอกขอบอกโคตรโคถึก บึก และ อึดขนาดโดนระเบิดมาร่างกายแทบจะไม่เหลือชิ้นดีแล้ว และสุดท้ายนางประกอบร่างคืนได้แบบว่าแรมโบ้ยังอาย 555 แถมใบหน้าก็เต็มไปด้วยบาดแผลอีก ตรงนี้แหละที่โดนใจชอบพวกพระเอกมีแผล ทั้งแผลกายและแผลใจ ฮริ้ววว 5555

เพราะร่างกายบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถระบุว่าเขาคือใครเพราะระเบิด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลทั้งตัวถูกพันเหมือนมัมมี่ขาทั้งสองข้างหักและนิ้วมือที่โดนไฟลวกเสียหายเกินกว่าจะหาร่องรอยจากลายนิ้วมือทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและมีเพียงบัตรประจำตัวบางอย่างที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุที่บ่งบอกถึงสตีฟ ครอสฟิลด์ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เจย์ในฐานะอดีตภรรยาของเขาต้องเป็นคนมาระบุตัวตนและยืนยันว่าเขาคือสตีฟอดีตสามีที่ได้หย่าร้างกันมานานกว่าห้าปี

สำหรับเจย์แล้วแม้ว่าเรื่องราวต่างๆที่เธอต้องเจอในวันนี้มันอาจจะดูรวดเร็วเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจในตอนนี้ แต่เธอรู้สึกเหมือนไม่อาจต้านทานได้ การได้พบกับผู้ชายร่างกายแหลกละเอียดยับเยินที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล เธอรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะระบุตัวตนของสตีฟได้ในทันที เพราะลึกๆแล้วไม่มีอะไรในตัวเขาที่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยจากร่างที่ชอกช้ำยับเยิน แต่ยิ่งไปกว่านั้นเจย์กลับรู้สึกถูกดึงดูดเข้าหาสตีฟในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนความรู้สึกนั้นมันรุนแรงเกินไป เขามีพลังอำนาจบางอย่างที่สตีฟคนเก่าไม่มี

ทำไมเราถึงบอกว่าชอบเล่มนี้มากที่สุดในชุดเพราะเล่มนี้มันมีทุกรสชาติและ.**(สปอยล์ นิดหน่อย)**นางเอกไม่โง่หรอกนะที่โดนจูงจมูกในเรื่องนี้ เจย์รู้แต่เพื่อปกป้องความปลอดภัยให้พระเอกนางจึงทำเป็นไม่รู้ต่อไปจนจบและยอมจากไปเองเมื่อรู้ดีว่าพระเอกปลอดภัยแล้ว..............ชอบตอนที่พระเอกยังอยู่โรงพยาบาลแล้วนางเอกพยายามรื้อฟื้นความทรงจำให้

แต่........พระเอกจำไม่ได้ไม่คุ้นเคยเลยสักอย่างเดียวแม้แต่เสี้ยวเล็กๆของความทรงจำ ว่าทั้งคู่เคยแต่งงานกันมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นสตีฟก็ต้องการให้เจย์อยู่ข้างๆเขาตลอดเวลาและตลอดไป อีกตอนที่ชอบเมื่อทั้งคู่ถูกส่งไปกบดานเพื่อไม่ให้ศัตรูตามหาตัวพบในกระท่อมบนเขาท่ามกลางหิมะนี่แหละคิดว่าเป็นช่วงที่ทั้งคู่ฟินที่สุดแล้ว แม้เจย์จะรู้ว่าแท้จริงแล้วสตีฟคือใครแต่เธอก็พูดออกมาไม่ได้เพราะมันจะไม่ปลอดภัยสำหรับตัวเขาเองแม้เธอจะรักเขาก็ตาม

เอาไปเลย 4 / 5 ดาวสำหรับเล่มนี้

15 -minute Puff Pastry พัฟเพสตรี้แบบเร่งด่วนภายใน 15 นาที




พัฟเพสตี้ฉบับควิกๆประหยัดเวลาได้เยอะเลยค่ะ ภายในเวลา 15 นาที ได้แป้งพายชั้นออกมาทำขนมได้หลากหลายสารพัดเมนูเลย ขั้นตอนการทำก็ง่ายแสนง่ายพับแป้งทบไปมาแล้วรีดไปเลยเรื่อยๆอย่างน้อย 6 - 7 รอบ เห็นสูตรจาก 15-minute Puff Pastry ไม่รอช้าค่ะต้องรีบลองอย่างไวและผลออกมาโอเคเลยทำง่ายไม่ต้องกลัวเนยปลิิ้นเพียงแต่ตอนรีดต้องใช้แป้งนวลช่วยหน่อยยิ่งรีดไปก็ยิ่งเพลินดีนะคะ ส่วนตัวเรารีดไปเกิน 7 รอบ มันส์มือมากและอยากได้หลายๆชัั้น 5555 สนุกดีค่ะ



สูตร 15 -minute Puff Pastry

- แป้งเอนกฯ..................125 กรัม
- เกลือ.....................1/4 ช้อนชา 
- เนย (เย็นจัดๆหั่นเป็นชิ้นเล็ก).........................145 กรัม
- น้ำเย็นจัด...............1/3 ถ้วย

- ร่อนแป้ง + เกลือ ลงในอ่างผสม ตัดเนยเป็นชิ้นเล็กๆใส่ลงไป ผสมให้เข้ากันด้วยที่สับเนยหรือส้อมให้เป็นเม็ดร่วนๆ

- ค่อยเติมน้ำเย็นจัดลงไป นวดให้พอเข้ากันเป็นก้อน จะเห็นว่าแป้งเหมือนจะดูแห้งๆไป แต่ไม่ต้องเติมน้ำนะคะเดี๋ยวจะแฉะเกินไป

- โรยแป้งนวลบนเคาเตอร์วางโดว์ลงไปค่อยๆใช้มือตบๆให้แผ่ๆออกจะเห็นว่าส่วนของเนยยังเป็นก้อนๆอยู่ก็เริ่มรีดเลยค่ะโรยแป้งนวลไปด้วย

- แล้วก็พับสามทบ + รีด ไปมา 6 - 7 รอบ ถ้ายังไม่ใช้ก็ห่อด้วยพลาสติกแลปเอาเข้าตู้เย็นจนกว่าจะใช้







พับ ทบ รีดๆไปเรื่อยๆ เพลินๆ



เสร็จแว้ววว ง่ายจริงๆ 



พร้อมใช้งาน ^^
 


10 ธันวาคม, 2557

MOGADOR MACARON with Milk Chocolate and Passion Fruit Ganache


 



นานๆทำทีนึงสำหรับมาการองยังใช้สูตรจากหนังสือของท่านปิแอร์เช่นเคย รอบนี้ลองรสใหม่ปรากฏว่าชอบไส้กานาซมากกกกกกกอร่อยเลยค่ะปลาาบปลื้มๆ กานาซเป็นส่วนผสมของมิลค์ช็อกโกแลตและเสาวรสมันลงตัวมากและที่สำคัญเป็นกานาซที่โคตรจะทำง่ายมากๆด้วย ส่วนตัวของ shells ได้สีออกมาไม่เหมือนในหนังสือเท่าไหร่ ฮ่าาาๆ แอบสีเพี้ยนไปนิดแต่ก็โอเคน๊าพอใจๆมองเผินๆเหมือนมาการองทีรามิสุมากกว่ามั้ยเนี่ย 5555

วันนี้เราทำครึ่งสูตรแต่ครึ่งสูตรนี่ก็เยอะม๊าวกกกกเลยนะกินเพลินเลยแหละ แต่เหนือสิ่งอื่นใดชอบตอนทำมากกว่าตอนกินไม่เน้น เน้นตอนทำว่ามันจะได้ทิ้งหรือได้กินมากกว่า แต่ยืนยันอีกรอบว่ากานาาซมิลค์ช็อกฯและเสาวรสมันเข้ากันมากเราเลิฟๆเลย ต่อไปจะยึดเอากานาซตัวนี้เป็นหลักสำหรับไส้มาการองดีกว่าชอบจริงๆ ^^


สูตร Mogador macaron

- ground almonds....................150 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง......................150 กรัม
- ไข่ขาว..............55 กรัม
- สีเหลืองมะนาว
- สีแดง
- น้ำตาลทราย ....................150 กรัม
-น้ำเปล่า................40 กรัม
- ไข่ขาว...................55 กรัม
* - ผงโกโก้สำหรับโรยหน้ามาการอง นิดหน่อย *

- ปั่นอัลมอนต์ + น้ำตาลไอซิ่ง ให้ละเอียด แล้วร่อนรวมกันในอ่างผสม  เทไข่ขาวเลงไป เติมสีแดงและสีเหลืองมะนาวลงไป ใช้ที่ตัดแป้งหรือพายยางคนให้เข้ากัน พักไว้

 - น้ำตาล+ น้ำเปล่า ใส่หม้อตั้งไฟ วางเทอร์โมมิเตอร์ พอน้ำตาลมีอุณภูมิได้ 115 ํc ให้เริ่มตีไข่ขาวจนเริ่มตั้งยอดอ่อน ซีรัปมีอุณภูมิ 118 ํc ยกลงจากเตาแล้วค่อยๆเทลงในไข่ขาวจนหมด ระหว่างเทซีรัปก็ตีไข่ขาวไปเรื่อยๆจนเมอร์แรงค์เริ่มเย็นอุณหภูมิประมาณ 50 ํ c

- แล้วนำส่วนของเมอร์แรงค์ไปผสมกับส่วนของอัลมอนต์แบ่งผสมสองครั้ง ส่วนผสมที่ได้จะไม่ข้นมาก เวลายกพายยางขึ้นแลททเทอร์จะค่อยๆไหลลงไปค่ะ

- เสร็จแล้วก็นำใส่ถุงบีบ บีบลงบนกระดาษรองอบ หลังจากบีบเสร็จจับถาดกระแทกลงบนโต๊ะแรงๆเลยค่ะเพื่อไล่ฟองอากาศ และ พักไว้อย่างน้อย 30 นาที จนผิวหน้าของมาการองเริ่มแห้ง แล้วจึงนำเข้าอบ ด้วยอุณหภูมิ 180 ํc ประมาณ 10 - 12 นาที แล้วแต่เตาใครเตามันนะคะ 



ส่วนของ Milk Chocolate and Passion Fruit Ganache 

- เนยจืด(อุณหภูมห้อง)..............50 กรัม
- มิลค์ช็อกโกแลต.................275 กรัม
- Passion Fruit....................50 กรัม

- ละลายเนยกับช็อกโกลแลตแล้วเติมเสาวรสลงไปคนให้เข้ากันพักให้เย็นแล้วค่อยนำมาบีบเป็นไส้มาการอง







บีบไส้ใส่ลงไปเตรียมประกบกันเถอะๆๆ


เรียงแถวตรง


  เสร็จแล้วววววจัดระเบียบลงกล่องพร้้อมกินพร้อมแจก(ยัดเยียด) 555













เนื้อข้างในแบบเต็มๆ  ไม่เป็นโพรง





เทียบสีในหนังสือกับที่เราทำ ต่างกันจริงๆเนอะ เพี้ยนอัลลัลยยยยยขนาดเน้ฟร่ะ