22 ธันวาคม, 2554

Chocolate Madeleines







ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบทานเจ้ามาเดอลีนนี่มากๆเลยค่ะ ขนมอะไรไม่รู้น่ารักจริงๆ เจอสูตรไหนเป็นต้องลองไปหมดเพราะอย่างที่บอกว่าชอบมาก จนเห็นแก้มอัพลงFB และลงสูตรจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรอช้า ต้องขอบอกว่าสูตรนี้ ทำไปสี่รอบแล้วค่ะ โอ้วววเห็นไหมบอกแล้วว่าชอบจริงๆ 55555+ วันนี้เลยเอาการบ้านมาส่งแก้มหน่อยนะ สูตรนี้เป็นสูตรเล็กๆ(สำหรับอิน) กินไว หมดไว และเหมาะแก่การทำบ่อยๆมากๆ

สำหรับสูตรอลอกแก้มมาเลยนะคะหรือตามไปดูที่บล็อคแก้มได้ตรงนี้เลยค่ะBittersweet Chocolate Madeleines by น้องแก้ม อร่อยจริงๆค่ะ ขอบคุณน้องแก้มสำหรับสูตรอร่อยๆจ้า



Chocolate Madeleines 

ไข่ไก่ 1 ฟอง
ไข่แดง 2 ฟอง
น้ำตาลทรายสีรำ 90 กรัม
แป้งอเนกประสงค์ 65 กรัม
Dark chocolate 70% 20 กรัม
ผงโกโก้ 18 กรัม
ผงฟู 3 กรัม
เนยสด 80 กรัม
Maple syrup 38 กรัม(อินใช้น้ำผึ้ง)
เกลือ 1/4 ชช.


ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ผงโกโก้ เข้าด้วยกัน พักไว้

นำเนยสดใส่แก้วทนความร้อน นำเข้าไมโครเวฟ ประมาณ 60 วินาที 
เมื่อเนยละลายแล้วบิดาร์คช็อคโกแลตเป็นชิ้นเล็ก ลงไป แล้วใช้ช้อนคนผสม
ให้เนยกับช็อคโกแลตละลายเข้ากัน เสร็จแล้วเติมเมเปิลไซรับ หรือ น้ำผึ้ง ใส่ลงไป
คนผสมให้เ้ข้ากันอีกครั้ง พักไว้


เริ่มตีไข่ ไข่แดง เริ่มจากสปีดต่ำไล่ไป
สปีดกลาง จนมีฟองหยาบ ทยอยใส่น้ำตาลลงไปทีละน้อย






เมื่อน้ำตาลหมด เปลี่ยนเป็นสปีดสูงสุด
ตีจนได้ ribbon stage 

ลองยกหัวตีขึ้น ส่วนผสมจะข้นและยังคงทิ้งรอยจางๆ ไว้



ใส่ของแห้งที่ร่อนไว้ลงไปทั้งหมดแล้วคนให้เข้ากันด้วยตระกร้อมือ




ตามด้วยของเหลวที่ละลายทิ้งไว้ตอนต้น
เทใส่ลงไปทั้งหมด แล้วผสมให้เข้ากันดีอีกครั้งด้วยตะกร้อมือค่ะ 




เสร็จแล้วเอาพลาสติกใสแล็ปภาชนะ
แล้วนำไปใส่ตู้เย็นทิ้งไว้ อย่างน้อย 1 ชม.หรือหนึ่งคืน





เมื่อพักแบทเทอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว เริ่มวอร์มเตาอบที่ 180 °c เปิดทั้งไฟบน - ล่าง

เตรียมพิมพ์โดยการทาเนยให้ทั่วๆ แล้วค่อบใส่แบทเทอร์ลงไปค่ะ 





ใส่แบทเทอร์ลงไปในพิมพ์แลวนำเข้าอบได้เลยค่ะ อินใช้เวลาอบประมาณ10 นาทีนะคะ







สามเล่มของ LINDA HOWARD (เมื่อไม่รู้จะอ่านอะไรดี งานของลินดาคือยารักษาได้)


สามเล่มนี้อ่านมาได้ซักพักแล้วค่ะงานของลินดาหยิบมาอ่านตอนไหนก็ไม่ผิดหวังนะเพื่อนเคยบอกว่าเวลานึกอะไรไม่ออกและไม่รู้จะอ่านอะไรให้หยิบงานของลินดามาอ่านเถอะไม่ผิดหวังและก็เป็นแบบนั้นจริงๆนะเพราะสามล่มนี้อ่านต่อเนื่องกันเลยค่ะต้องบอกว่าอ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ(แอบเป็นม้าให้ลินดาซะงั้น)บล็อกนี้ไม่เมาท์อะไรเยอะเพราะอ่านจบแล้วชอบเลยอยากบอกแค่นั้นเอง ไม่รีวิวใดๆทั้งสิ้นแค่เล่าสู่กันฟังเนอะ ฮี่ๆ(จริงๆคือมันขี้เกียจเขียนรีวิวนั่นแหละ แฮ่ๆ)
    

      
แผนรักแผนร้าย  

    เล่มนี้เป็นคิวแรกที่หยิบมาอ่านในวันที่ไม่รู้จะอ่านอะไรดี(อีกแล้ว)อานแล้วก็นะมันได้ใจตรงนางเอกอายุสามสิบสี่นี่ล่ะ กร๊ากกกกก แหม๊ให้มันได้อย่างนี้เส่ะ และหลังจากที่อ่านงานขอลินดามา(รวมามเล่มนี้ด้วย)พระเอกของลินดามักจะเป็นตำรวจซะเยอะเนาะแต่ราก็หาได้เบื่อตำวจของลินดาซะเมื่อไหร่เพราะหลังจากอ่านเล่มนี้จบก็ทำให้ต้องๆไปหยิบอีกเล่มนึงของธอขึ้นมาอ่านต่อทันที(แต่มันไม่ได้เป็นเล่มต่อกันแต่ประการใดนะคะ)นั่นพราะงานของลินดามันสนุกน่าติดตาม(สำหรับเรา)มากๆจึงทำให้เราอยากจะหยิบงานของเธอขึ้นมาอ่านทันทีเช่นกัน


  

    
นิมิตรพิศวาส


    อืมจะบอกว่าในสามเล่มที่หยิบมาอ่านต่อเนื่องกันรอบนี้ล่มนี้เป็นเล่มที่เราชอบที่สุดค่ะอ่านแล้วลุ้นไปกับนางเอกน่ะ และ เล่มนี้อย่างที่บอกพระเอกก็เป็นตำรวจอีกแล้ว และเป็นตำรวจที่อืมมม น่าจะมีเก็บไว้ซักคน กร๊ากกกก ชอบตอนที่พระเอกของเราดูแลนางอกนะ นางเอกจะสามารถมองเห็นเหตุการณืที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าจากคนร้ายที่สามารถเชื่อมต่อกับเธอได้ เหมือนเห็นเหตุการณืที่เกิดขึ้นผ่านสายตาของคนร้ายแต่นางเอกไม่อยากมีนิมิตรเกิดขึ้นแบบนี้อีก

 เพราะในอดีตความสามารถของเธออันนี้แหละที่ทำให้เด็กคนนึงต้องโดนฆาตรกร(โรคจิต)ฆ่าตายต่อหน้าและเหตุการณ์นี้ก็กำลังหวนกลับมาอีกครั้งเมื่อเหยื่อของฆาตรกรโรคจิตค่อยๆตายไปทีละคนทำให้มาร์ลีต้องอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจสายสืบอย่าง เดน อลิสเตอร์ แต่แน่นอนว่าตำรวจอย่างเดนไม่เชื่ออยู่แล้วว่า มาร์ลีสามารถมองเห็นเหตุการณืที่จะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้าแต่สิ่งที่เขาปฏิเสธไม่ได้คือความปราถนาที่เขามีต่อมาร์ลีมันรุนแรงเหลือเกิน


  


  
ยอดชายในฝัน


  เล่มนี้อ่านจบไปนานสุดในสามเล่มแต่อยากเขียนถึงแม้จะลืมๆไปมั่ง อิ อิ เล่มนี้พล็อตอ่านไปขำไปกับพระเอก นางเอกดีนะ นึกภาพสาวออฟฟิศขี้เม้าท์กันออกไหมคะ 55555+เรื่องนี้บ้านของพระเอก นางเอก รั้วติดกันก็ตามประสาเพื่อนบ้านนางเอกเราเข้าใจว่าพระเอกเป็นคนขี้เมากวนประสาทและถปอนติแอคเสียงดังโทรมๆของเขาแถมยังคิดว่าเขาทำงานพวกค้ายาเป็นอันธพาลประมาณนั้น แต่จริงๆแล้วพระเอกเป็นตำรวจที่ไม่เหมือนตำรวจซักนิด(ในความคิดของนางเอกอ่ะนะ) แต่บ้านใกล้กันก็ทำให้ทั้งสองมีเรื่องต้องถียงกันตลอด จนนางเอกเอาไปเม้าท์กับเพื่อนที่ทำงานเรื่องคุณสมบัติของยอดชายในฝันขึ้นมา

รายการคุณสมบัตินี้ก็เป็นที่ฮือฮาไปทั่วรวมถึงในเนต และรายการโทรทัศน์(ขนาดนั้นกันเลยนะนี่) และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนในกลุ่มของนางเอกได้ถูกฆาตรกรรมไปทีละคน แต่คนที่คนร้ายต้องการจะฆ่าจริงๆนั่นก็คือนางเอก ทำให้พวกเธอ(รวมถึงพระเอก)ต้องค่อยสืบหาคนร้ายว่าเป็นใครกันแน่






มนต์รักคืนใจ Again The Magic - By…..Lisa Kleypas


- มนต์รักคืนใจ Again The Magic - By…..Lisa Kleypas

- สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

- หนังสือแนว historical romance

- ผู้แปล กัญชลิกา

- จำนวนหน้า 325 หน้า




ใช้เวลานานพอควรกว่าจะหยิบเล่มนี้มาอ่าน เพิ่งจะอ่านเมื่อคืนนี้เองค่ะหลังจากอ่านปริศนารักจบก็เลยตัดสินใจหยิบมนต์รักคืนใจเล่มนี้มาอ่านซะเลยเล่มนี้เริ่มอ่านตั้งแต่เที่ยงคืนนิดๆยาวไปจนถึงตีสี่เศษๆค่ะ อ่านแล้วไม่สามารถหยุดอ่านได้เลย มันต้องอ่านให้จบกลัวพักไปอารมณ์ความต่อเนื่องมันหายไปแน่ๆ(กำลังอินว่างั้น) และอ่านไปก็ได้เรื่องเลยทีนี้เพราะอ่านไปก็ร้องไห้ไปกับเนื้อเรื่องซะงั้น อิ อิ ไม่คิดว่าอ่านงานของ LK เล่มนี้แล้วจะทำให้เราร้องไห้แบบหยุดไม่ได้ขนาดนี้อ่ะ ทำให้แอบคิดย้อนไปว่าทำไมถึงหยิบเล่มนี้มาอ่านช้าไปทั้งๆที่อ่านชุดสาวน้อยเสี่ยงรักจบไปนานโขแล้วเนี่ย ไม่รู้คนอื่นอ่านแล้วเป็นยังไงบ้างนะคะ แต่เราอ่านแล้วน้ำตาไหลแบบหยุดไม่ได้ด้วย แฮ่ๆ อ่อนไหวเกินไปไหมเนี๊ยะ!! ทั้งๆที่เป็นแฟนของลิซ่าแต่ไม่ค่อยได้รีวิวงานของลิซ่าเลยแหะไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ(เพราะขี้เกียจนั่นแหละ แฮ่ๆ)


มิตรภาพของทั้งสองคนเริ่มก่อตัวขึ้นจากความเป็นเพื่อน แมคเคนน่า บอกตัวเองว่าเด็กที่ทำงานในโรงม้าอย่างเขาไมม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับลูกสาวของท่านเอิร์ลอย่างเลดี้อลีน เพราะความสนิทสนมระหว่างทั้งสองคนในไม่ช้าจะกลายเป็นอันตรายและเสื่อมเสียเกียรติสำหรับเลดี้ที่อยู่คนละชนชั้นกับเขา แต่ทั้งเขาและอลีนต่างรู้ความคิดซึ่งกันและกัน  แตกต่างทางชนชั้นระหว่างเขากับเธอไม่มีวันปฏิเสธได้ แมคเคนน่รู้ว่าซักวันเขาต้องปล่อยเธอไปเพื่อคนที่คู่ควรเหมาะสม แต่แค่คิดเขาก็แทบทนไม่ได้แล้วที่อลีนจะต้องแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นและเขาสัญญากับอลีนว่าเขาจะไม่ไปจากเธอจนกว่าเธอจะเป็นต้องการให้เขาไป


แต่ก็นั่นแหละมันก็ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นจนได้ใช่มั้ยเมื่อมีคนมาเห็นทั้งแมคเคนน่าและอลีนอยู่ด้วยกันที่โรงม้าเรื่องนี้ก็ไปถึงหูของท่านเอิร์ลพ่อของอลีนเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นเหตุให้ท่านเอิร์ลต้องให้แมคเคนน่าออกจากคฤหาสน์ไปในทันทีและห้ามไม่ให้อลีนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแมคเคนน่าอีก ไม่เช่นนั้นเขาจะหาทางทำลายแมคเคนน่าในทุกวิถีทางซึ่งอลีนรู้ว่าพ่อของเธอทำอย่างที่พูดได้แน่ๆ อลีนรู้ว่าเธอต้องทำอะไรเพื่อให้ชีวิตเขาดีขึ้น เขาจะได้รักผู้หญิงคนใหม่ซึ่งมีอิสระที่จะรักเขาเช่นกันเธอจะต้องปล่อยเขาให้เป็นอิสระและจะต้องบอกให้เขาออกไปจากชีวิตและอย่าได้กลับมาอีก ถึงตรงนี้มันเศร้าอ่ะสงสารทั้งอลีน ทั้ง แมคเคนน่า อลีนต้องตัดใจบอกให้แมคเคนน่าไปทั้งๆที่ไม่อยากทำอ่านแล้วมันเจ็บปวดไปด้วยเว้ยยเฮ้ยยยยยยย 


สิบสองปีหลังจากนั้น แมคเคนน่าได้กลับมายังอังกฤษอีกครั้งเขาสร้างตัวจนร่ำรวยและการกลับมาของเขาครั้งนี้เขามีแผนการอยู่ในใจแน่นอนแผนการนั้นสันเกี่ยวข้องกับเลดี้อลีนล้วนๆเพื่อแก้แค้นผู้หญิงที่ทำให้ความรักของเขาแหลกสลายลงไปในอดีต ไม่คยมีซักวันที่เขาจะลืมผู้หญิงคนนี้ในณะที่แมคเคนน่าคิดว่าอลีนคงแต่งงานไปแล้วกับผุ้ชายชนชั้นเดียวกันอย่างที่เธอเคยต้องการแต่แค่พอเจอหน้ากันอีกครั้งเท่านั้นแหละทั้งอลีนและแมคเคนน่าก็รู้ว่าระยะเวลาที่ยาวนานที่ผ่านไปไม่เคยลบเลือนความรู้สึกในอดีตที่เคยมีด้วยกันไปได้ แต่แผนการในใจของแมคเคนน่าก็ยังคงอยู่เขาจะให้บทเรียนและเรียกร้องกับอลีนและจะจากเธอไปทันทีส่วนอลีนก็พร้อมจะชดใช้ในสิ่งที่เธอเคยทำไว้กับเขาแต่อลีนจะให้เขารู้ความลับของเธอไม่ได้แต่สุดท้ายก็รรู้นั่นแหละ ทั้งความลับเรื่องที่อลีนเคยป่วย และ เรื่องที่อลีนไล่เขาออกไปจากชีวิต


ส่วนตัวคิดว่าจริงๆแล้วพล็อตน้ำเน่ามากกค่ะ อิ อิ แต่อ่านแล้วดันชอบซะงั้นแอบสียดายระยะเวลาตั้งสิบสองปีที่ทั้งสองคนเสียไปเหมือนกันแต่สุดท้ายทั้งสองคนก็ปรับความเข้าใจกันได้ ตอนนางเอกไปปรับความเข้าใจกับพระเอกนี่แหละที่ทำให้เราร้องไห้อย่างหนัก 55555+มันซึ้งอ่ะเป็นเรื่องเดียวของLK ด้วยมั้งที่อ่านแล้วร้องไห้ยกใหญ่เลย เล่มนี้ยังมีคู่รองอีกคู่นะคะเป็นคู่ของ ลิเวีย(สาวของอลีน)กับ กิเดียน ชอว์ หุ้นส่วนทางธุรกิจของแมคเคนน่า แต่ขอสารภาพตรงๆว่าส่วนตัวแล้วโฟกัสไปที่คู่หลักซะมากกวาค่ะ 
เพราะเราลุ้นเป็นพิเศษ แฮ่ๆ เล่มนี้จะเกี่ยวโยงกับชุด สาวน้อยเสี่ยงรัก นะคะ มาร์คัส เวสคลิฟท์ เป็นพี่ชยของอลนและลิเวีย ที่จะมีเล่มของเขาเองในชุดนั้นชุดนั้นก็สนุกค่ะอยากอ่านงานย้อนยุคของลิซ่าอีกนะจะว่าไปก็เสียดายที่ตอนนี้เธอหันไปเขียนแนวอืนซะแล้วเบรคแนวย้อนุคไว้ชั่วคราวซะงั้น กลัวจริงๆว่าถ้ากลับมาเขียนแนวย้อนยุคอีกทีจะเหมือนน  จูลี่ย์ การ์วูด ไหมนะที่ผิดคาดไปเลยอ่ะ ก็หวังว่าจะไม่เนาะ!!






ปริศนารัก The Secret - By…..Julie Grawood


- ปริศนารัก The Secret By…..Julie Grawood

- สำนักพิมพ์ แก้วกาาานต์

- หนังสือแนว hisorical romance

- ผู้แปล ศรีพิมล

- จำนววนหน้า 376 หน้า






ช่วงนี้หยิบงานของ จูลี่ การ์วูดมาอ่านอีกแล้ว สำหรับเล่มนี้อ่านแล้วก็ยังชอบมากๆมากกว่าอีกเล่มในชุดเดียวกันคือ”มนต์รักไฮแลนด์” ที่เล่มนั้นอ่านแล้วหงุดหงิดค่ะ เพราะมันไม่สนุกเอาซะเลยแทบอยากจะเขวี้ยงทิ้งไม่น่าเชื่อว่าเล่มนั้นเป็นฝีมือการเขียนของจูลี่ การ์วูด แต่เล่มนี้(ปริศนารัก)ชอบมากกกกค่ะ เรายังไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นเก่าที่เคยตีพิมพ์กับอีกสพน นึงนะคะ แต่สำหรับเวอร์ชั่นนี้อ่านแล้วชอบมากๆเลย คนแปลๆดีอ่ะ แต่สิ่งที่ชอบก็คือพล็อต ที่ม่มีอะไรให้ต้องเครียดมากมาย อ่านแล้วสบายใจดี คาแร็คเตอรืพระเอกนางเอกเรื่องนี้อ่านไปก็ทำให้นึกถึงอีกเรื่องของจูลี่ย์เธอค่ะคือ(แรงริษยา)
อีกอย่างที่หยิบเล่มนี้มาอ่านก็เพราะเพื่อนบิ๊วไว้ค่ะ เธออ่านจบไปแล้วมาบิ๊วเราต่อมีเหรอจะขัดศรัทธา แฮ่ๆ


จากคำสัญญากับเพื่อนรักเมื่อในอดีตทำให้ จูดิธ แฮมป์ตันต้องเดินทางไปยังดินแดนไฮแลนด์เพื่ออยู่เคียงข้างกับเพื่อนรักที่กำลังจะคลอดลูก ก่อนการออกจากอังกฤษครั้งนี้จูดิธก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ซึ่งนั่นทำให้จูดิธต้องการไปสืบหาความจริงว่าพ่อที่เธอไม่เคยได้พบมาก่อนและการเดินทางครั้งนี้ก็ต้องมีผู้คุ้มครองปกป้องใช่มั้ยแน่นอนว่าท่านแลร์ดจากดนแดนสก็อตซึ่งเป็นนพี่ชายขของสามีเพื่อนนั่นแหละที่มาทำหน้าที่นี้ และ จากการพบหน้าเขาครั้งแรกจูดิธก็ไม่สามารถถอนสายตาจากเขาได้เลยสิ(แม้ใครจะบอกว่าหนุ่มสายเลือดสก็อตจะเถื่อนแค่ไหน แต่ให้ตายยยเหอะเวลาอยู่กับนางเอกแลวมันช่างน่ารักเกินห้ามใจ)


แลร์ดเอียน เมทแลนด์ รับอาสาที่จะมารับตัวเพื่อนชาวอังกฤษของภรรยาน้องชายเขาให้ไปถึงไฮแลนด์อย่างปลอดภัยเอียนเชื่อว่าผู้หญิงอังกฤษคนนี้ต้องปฏิเสธการเดินทางในครั้งนี้อย่างแน่นอนแต่เรื่องนั้นไม่มีวันเกิดขึ้นอยู่แล้วล่ะเพราะจูดิธยินดีที่จะเดินทางไปหาเพื่อนรักของเธออย่างแน่นอน และนีทำให้เอียนรู้ว่าจูดิธจะทำให้การเดินทางของพวกเขาในครั้งนี้เธอคือความยุ่งยากอย่างแท้จริง เพราะแค่สบตาเธอเอียนก็ลืมหายใจซะแล้ว(เอาเข้าไปแหม๊!!)ตลอดระยะเวลาการเดินทางเอียนต้องคอยเตือนตัวเสมอว่าเขาจะต้องพยายามอยู่ให้ห่างจากผู้หญิงอังกฤษคนนี้ แต่แค่คิดว่าเขาต้องมอบให้จูดิธอยู่ในความดูแลของลูกน้องเขาก็ทำให้ตัวเองหงุดหงิดซะแล้ว ชะ!!!


สุดท้ายเอียนนั่นแหลละที่สั่งให้นางเอกของเราต้องอยู่ในความคุ้มครองของเขาตลอดเวลาตั้งแต่เดินทางจนถึงไฮแลนด์เพราะทนไม่ได้ที่จะให้คนอื่นมาดูแลแทน อิ อิ(ผู้ชายปากแข็งนิ) หลังจากไปถึงไฮแลนด์แล้วท่านแลร์ดอย่างเอียนก็รู้ว่ารักจูดิธนั่นแหลละจึงหาทางแต่งงานกับเธอแต่สิ่งที่จูดิธไม่ได้บอกเอียนก็คือเธอคือลูกสาวของศัตรูแต่ความจริงข้อนี้ก็ไม่สามารถทำให้เอียนหมดรักในตัวจูดิธไปได้เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่กับเธอแม้แต่ตำแหน่งท่านแลร์ดผู้นำของชนเผ่าเขา


 จูดิธไม่ใช่แค่เอาชนะใจเอียนเท่านั้นแต่เธอเอาชนะคนในปกครองของเข้าด้วย(มีตอนแอบซึ้งตอนที่จูดิธเข้าใจว่าเธอไม่เป็นที่ต้อนรับอีกต่อไปและจะต้องเดินทางไปจากที่นี่ทันทีเพราะความจริงเปิดเผยว่าเธอคือลูกศัตรูโดยที่ไม่รู้ว่าเอียนสละตำแหน่งท่านแลร์ดและจะเดินทางไปด้วยพร้อมกับคนที่เต็มใจจะไปด้วยนั่นก็คือนักรบประจำเผ่ากับคนที่เธอเคยช่วยเหลือ)




อย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรกล่ะค่ะว่าเรื่องนี้ก็รักหวานๆตามสไตล์งานเขียนของจูลีย์ การ์วูด ยุครุ่งเรือง อิ อิ เรื่องนี้อ่านแล้วความน่ารักของพระเอก – นางเอก มันทำให้ยิ้มตามน่ะค่ะ







ธารเสน่หา INNER HARBOR - By…..NORA ROBERTS


- ธารเสน่หา INNER HARBOR - By…..NORA ROBERTS


- สำนักพิมพ์ เพิร์ล


- หนังสือแนว contemporary romance


- ผู้แปล เสาวณีย์ นิวาศะบุตร


- จำนวนหน้า 345 หน้า





ธารเสน่หา เป็นเล่มที่สามในชุด Chesapeake bey เป็นเรื่องของฟิลิปหนึ่งในพี่น้องครอบครัว ควินน์ค่ะ ต้องบอกว่าเล่มนี้เราอยากอ่านมากพอควรเลยล่ะ ส่วนตัวคิดว่ายิ่งได้อ่านชุดนี้ยิ่งชอบ  เล่มต่อจากเล่มนี้เป็นเล่มของ เซ็ธ น้องคนสุดท้ายของครอบครัวควินน์แล้วยิ่งไม่อยากให้จบเลยค่ะ เราหลงรักครอบครัวนี้ซะแล้ว

ในอดีตชีวิตของฟิลิปก็ไม่ต่างอะไรจากพี่น้องของเขาสองคนที่ทั้ง เรมอนต์และสเตล่ารับมาเลี้ยงก่อนหน้าเขา ฟิลิปถูกยิงจากแก๊งค้ายาในระหว่างที่เขาออกไปหาซื้อยาเสพติดเพื่อมาเสพและชีวิตของเขาในขณะนั้นเรียกได้ว่าเขาใช้ชีวิตเป็นแค่เด็กข้างถนน แต่หลังจากได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล เรมอนต์และสเตล่า ควินน์ก็ได้รับเขาป็นบุตรบุญธรรมและช่วยให้เขาไม่ต้องกลับไปใช้ชีวตเป็นเด็กข้างถนน

ในตอนนั้นเขาเพียงแค่คิดจะหาอะไรทำแก้เบื่อโดยการยอมไปอยู่กับครอบครัวควินน์แต่หลังจากนั้นฟิลิปก็รู้ดีว่าเขาได้หลงรักพ่อกับแม่ที่ให้ชีวิตเขาจริงๆ และคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับพ่อเขาเป็นครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องของเซ็ธน้องคนสุดท้องของเขาทุกคนช่วยกันดูแลซ็ธให้ดีที่สุดและยังต้องมีแม่ของเซ็ธที่ยังข่มขู่และต้องการเงินเพื่อแลกกับเซ็ธอยู่เหมือนเดิมแต่ฟิลิปและพี่น้องของเขาก็พร้อมที่จะดูแลและปกป้องน้องชายของเขาตามที่ได้สัญญาไว้กับพ่อก่อนที่เขาจะจากไป

ซิบิล มาที่อ่าวเล็กๆอย่างชะพีคเพื่อทำการสืบหาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเซ็ธโดยการบอกเล่ามั้งหมดจากกลอเลียแม่ของซ็ธนั่นแหละและกลอเลียบอกกับเธอว่าพวกควินน์ขโมยเซ็ธและขุ่มขู่สารพัด เพราะงั้นซิบิลต้องเริ่มเข้าไปทำความรู้จักกับครอบครัวควินน์ก่อน(หรือเรียกว่าตีสนิทใช่มั้ยแบบนี้) แต่การที่ซิบิลเริ่มใกล้ชิดและรู้จักครอบครัวควินนรวมถึงตัวของเซ็ธเองก็ทำให้เธอรู้ว่าการที่เซ็ธอยู่ที่นี่เขามีความสุขมากแค่ไหนซึ่งนั่นไม่เหมือนกับที่กลอเลียเคยบอกเธอและการที่เธอได้ใกล้ชิดกับพวกเขามากขึ้นเท่าไหร่โดยเฉพาะกับฟิลิปนั่นทำให้เธอแน่ใจว่ากลอเลียพี่สาวของเธอโกหกเรื่องเซ็ธเพียงเพราะต้องกรรีดไถข่มขู่ครอบครัวควินน์เรื่องเงินเท่านั้นและซิบิลก็พร้อมทำทุกอย่างพื่อปกป้องเซ็ธจากกลอเลีย

แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นก็คือครอบครัวควินน์รวมถึงเซ็ธได้รู้ความจริงว่าเธอก็คือน้องสาวของกลอเลียที่เข้ามาสืบเรื่องของเซ็ธตอนนี้แอบเห็นใจนางเอกเหมือนกันอ่ะที่โดนฟิลลลิปกับแค็มโกรธ แต่สงสารเซ็ธมากกว่าที่เขากลัวว่าจะได้กลับปอยู่กับแม่อย่างซิบิลอีกแต่หลังจากที่ซิบิลทราบความจริงทั้งหดเกี่ยวเรื่องนี้เธอก็จัดการแม่เซ็ธซะหงายงิบไปเลยหมือนกันจนแม้แต่เซ็ธเองยังตะลึง และเล่มนี้ซิบิลเป็นคนมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของกลอเลียที่บอกกว่าโดนเรมอนต์ข่มขืนจนตั้งท้องเซ็ธเล่มนี้ประเด็นที่เซ็ธเป็นลูกของเรมอนต์เคลียร์แล้วโล่งไปเลยอ่ะ

 และเรื่องของความรักความผูกพันธ์ของพี่น้องควินน์ก็ยังเต็มอิ่มเหมือนเดิมอ่านแล้วมันอิ่มในความผูกพันธ์ของพี่น้องอ่ะ ชอบมากโดยเฉพาะตอนที่เป็นงานวันเกิดของเซ็ธแล้วพี่ๆสามคนทำของขวัญเซอร์ไพร์ให้เซ็ธทำเอาน้ำตาซึมไปด้วยเลยแบบว่า เฮ้ยยยค่อดน่ารักอ่ะเหมือนเราสัมผัสได้จริงๆแม้ว่าพวกเขาจไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆแต่ความรักที่เขามีให้กันมันยิ่งกว่าพี่น้องสายเลือดเดียวกันซะอีกรออ่านเล่มของเซ็ธเล่มปิดท้ายพี่น้องครอบครัวควินน์เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆเพราะเซ็ธมีบทบาทสำคัญมากในเล่มที่ผ่านมาเพราะงั้นเราจึงตั้งความหวังและเชียร์ออกนอกหน้ามากๆ อิ อิ








เกมรักล่าหัวใจ Skin Game - By…..AVA GRAY


- เกมรักล่าหัวใจ Skin Game - By…..AVA GRAY 


- สำนักพิมพ์ แก้วกานต์


- หนังสือแนว paranomal romance


- ผู้แปล รวิภา


- จำนวนหน้า 336 หน้า











สกินเกม เรื่องนี้คาดว่าหลายๆคนคงรออ่านกันมานานนะคะเราก็เป็นอีกหนึ่งคนที่รออ่านเรื่องนี้เช่นกันเรื่องนี้นางเอกคาแร็คเตอร์จะเด่นมากค่ะ นางเอกจะมีความสามารถพิเศษแค่เพียงแตะตัวใครก็จะดึงเอาความสามารเด่นๆของคนๆนั้นออกมาใช้ได้เลยทันที ด้วยความสามารถพิศษอันนี้แหละจึงเป็นที่มาในการที่ศัตรูของเธอต้องจ้างนักฆ่าให้มาจัดการกับเธอ


หลังจากที่ไคร่าได้เข้าไปใกล้ชิดกับเซอร์ราโนเจ้าของคาสิโนเพื่อดำเนินแผนการบางอย่างเพื่อทำให้เขาไว้ใจเมื่อแผนการของเธอสำเร็จไคร่าได้จากมาพร้อมเงินของเซอราโนจำนวนหนึ่งและเธอเป็นคนที่ฆ่าพ่อของตัวเองเพื่อแย่งส่วนแบ่งจากพ่อและเป็นหตุให้เซอร์ราโนต้องจ้างนักฆ่ามืออาชีพให้มาจัดการกับไคร่าแน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้ก็ต้องพระเอกของเราอยู่แล้วล่ะ  


เรเยส ทำงานในอาชีพของเขาได้ดีเยี่ยมไม่เคยมีเหยื่อรายไหนที่รอดไปได้ถ้าเขาได้รับเงินจากคนที่ว่าจ้างเขาและเขาคิดว่าไคร่าก็คงจะเหมือนกันแต่เพื่อให้งานของเขาง่ายขึ้นเรเยสต้องทำให้ไคร่าไว้วางใจในตัวเขาให้มากพอก่อนที่เขาจะลงมือฆ่าเธออย่างง่ายดายขาจึงพยายามตามติดไคร่าและพยามยามใกล้ชิดเธอจนไคร่าและเรเยสตัดสินใจที่จะเป็นคู่หูเพื่อร่วมงานกัน


และความใกล้ชิดนี้ทำให้ไคร่าเริ่มไว้ใจเขาแต่เรเยสกลับไม่ไว้ใจตัวเองเพราะหลังจากที่ได้ใกล้ชิดไคร่าเขาก็เริ่มรู้สึกว่าผู้หญิงอย่างไคร่าไม่สามารถฆ่าพ่อของตัวเองเพื่อเงินแน่ๆ เธอไว้วางใจและเล่าความลับของเธอให้เขาฟัง(แม้จะไม่ทั้งหมด)และที่สำคัญกว่านั้นยิ่งเรเยสได้ใกล้ชิดกับเธอมากเท่าไหร่เขายิ่งเกิดความผูกพันธ์ทางอารมร์กับไคร่ามากเท่านั้นและมันทำให้เขาต้องเลือกว่าจะฆ่าเธอหรือจะช่วยเธอให้หลุดพ้นจากเรื่องนี้เพราะถ้าเรเยสไม่ทำเขาเชื่อว่าเซอร์ราโนต้องส่งคนอื่นมาทำงานนี้แทนเขาแน่นอนอยู่แล้ว แต่ในที่สุดไคร่าก็ได้รู้ว่าคนที่เธอเคยมอบความไว้วางใจให้กลับเป็นคนที่ต้องงการเอาชีวิตเธอและที่ผ่านมามันก็เป็นเพีงแค่แผนการของเขาที่จะทำให้เธอไว้วางใจและเขาจะได้จัดการเธอได้ง่ายขึ้น


ในส่วนของเรเยสเขาก็สารภาพกับไคร่านั่นแหละว่าเขาทำงานตามคำสั่งของเซอร์ราโนจริงๆแต่นันมันก่อนที่เขาจะได้ใกล้ชิดกับไคร่า ส่วนนางเอกพอรู้ความจริงว่าเรเยสคือใครก็พยายามที่จะเลิกยุ่งกับเขาแต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นแน่ๆพราะถ้าเรเยสทำงานไม่สำเร็จก็ต้องมีคนอื่นมาจัดการเธอทีหลังอยู่ดี ด้ววยเหตุนี้ไคร่าจึงจ้างให้เรเยสร่วมงานกับเธอและให้ค่าจ้างเขาเพื่อร่วมมือกับเธอในการจัดการเซอร์ราโนเพื่อพ่อของเธอและไคร่าก็บอกตัวเองว่าระหว่างเธอและเขาจะไม่มีความผูกพันธ์ทางอารมณ์อีกต่อไป


เรื่องนี้ยอมรับเลยค่ะว่านางเอกฉลาด(แกมโกง)มาก เธอใช้พรสวรรค์ของเธอหาเงินเข้ากระป๋าได้อย่างยอดเยี่ยม แต่....ส่วนตัวไม่ชอบมุมนึงของนางเอกเลยที่เธอใช้ชีวิตในรื่องเพศเปิดเผย เปิดกว้างไปหน่อย อิ อิ เราเข้าใจวัฒนธรรมตะวันตกนะแต่เวลาอ่านมันก็นะคิดมากนิดนึงแฮ่ๆเพราะขนาดแค่เจอพระเอกครั้งแรก(สปอยล์)นางก็ยอมมีอะไรด้วยแล้วทั้งที่ไม่รู้จักกันซักนิดว่าแกรมาจากไหนฟร่ะ มันก็เลยแบบ!@#$%^แง๊ ^^”เร็วไปไหมจ๊ะตะเอง อิ อิ


ส่วนของตัวร้ายคิดว่าเป็นตัวร้ายที่แทบไม่มีพิษสงอะไรเลยนอกจากแค่ว่าในอดีตหรือปัจจุบันเขาฆ่าคนบ้างแต่เหมือนเป็นคนร้ายที่ราบเรียบไปหน่อยไม่คะนามือนักฆ่ามืออาชีพอย่างพระเอก หรือ นางเอกที่มีความสามารถเฉพาะตัวอย่างไคร่าเรื่องนี้ส่วนตัวคิดว่าสนุกในระดับนึงแต่ไม่เท่าที่เคยคาดหวังไว้ค่ะ พล็อตและคาแร็คเตอร์ของเรื่องอาจจะใหม่แต่(ส่วนตัวแล้ว)คิดว่ามันยังไม่สุดยังไงไม่รู้แต่รับรองว่าตามอ่านเล่มที่เหลือของชุดต่อแน่นอนค่ะ ส่วนเล่มต่อไปจะเป็นเรื่องของ มีอา เพื่อนของไคร่า กับฟอร์สเตอร์ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของเซอร์ราโน่ที่เข้ามาทำงานกับเซอร์ราโนเพื่จะจัดการกับเขาเมื่อมีโอกาส




นักสู้ผู้พิทักษ์ LOVER AVENGED - By……J.R. WARD


- นักสู้ผู้พิทักษ์ LOVER AVENGED (THE BLACK DAGGER BROTHERHOOD)- By……J.R. WARD


- สำนักพิมพ์ แก้วกานต์


- ผู้แปล จิตอุษา


- หนังสือแนว paranomal romance


- จำนวนหน้า 768 หน้า







หลังจากที่รอคอยมานานกว่าจะได้อ่านก็ลุ้นกันแทบแย่ อิ อิ แต่จริงแล้วเห็นใจคุณจิตฯนะเพราะเล่มหนามากกกกกกกแต่พอเวลาอ่านๆแป๊บเดียว 5555+ เล่มนี้เป็นเล่มของเรฟ หรือ รีเวนจ์ เจ้าของคลับซีโรซั่มที่มีเรื่องราวด้านมืดในชีวิตมากมายจะบอกว่าส่วนตัวแล้วในเล่มที่ผ่านมาชอบตัวละครของ เรฟ มาตลอด(และกรี๊ดปกไทยเป็นพิเศษค่ะ)ในเล่มของบุชท์ลุ้นตลอดว่าไม่อยากให้เขาชอบ ยัยมาริสสาเพราะเราไม่ค่อยชอบคาแร็คเตอร์มาริสสาเท่าไหร่ อิ อิ ลุ้นให้เรฟได้เจอคนอื่นที่เคมีเหมาะกับเขามากพอ(ลำเอียงเนอะ) เล่มนี้จะเฉลยในส่วนของเหตุผลต่างๆว่าทำไมเรฟถึทำธุรกิจผิดกฏหมายต่างๆนาๆและทำให้คนอ่าน(อย่างเรา)เข้าใจมากพอว่าทำไมเรฟถึงเลือกเส้นทางนี้ในการดำเนินชีวิต (พ่อค้ายาเสพติด แมงดา และ โสเภณี)และอีกอย่างคือมันทำให้เราเสียน้ำตาให้กับเล่มนี้อีกครั้งหลังจากเล่มของวี


เล่มนี้อ่านจบแล้วชอบเฮ็กซ์มากขึ้นอีกโขเลย ระหว่างเฮ็กซ์กับเรฟมันมากกว่าแค่คำว่าเจ้านายกับลูกน้องและเช่นกันเล่มนี้ความสัมพันธ์ระหว่างจอห์นกับ เฮ็กซ์ จะน่าติดตามมากขึ้นและทำให้เราอยากอ่านเล่มของเขาต่อแล้วนั่นทำให้รู้ว่าผู้หญิงที่คาแร็คเตอร์อย่างเฮ็กซ์เธอก็อ่อนไหวและเสียน้ำตาได้เหมือนกัน(และมันทำให้เราเศร้าไปด้วย)รวมถึงเล่มนี้เรื่องราวของราธก็มีบทบาทสำคัญช่นกันเมื่อมีคนคิดที่จะกำจัดเขาไปให้พ้นทางและราธก็กำลังอยู่ในช่วงของคนตาบอด(อย่างสมบูรณ์แบบ) ล่มนี้โฟกัสไปที่หลายคู่เหลือเกินแต่อ่านแล้วไม่เบื่อแน่นอน


สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านซีรี่ย์ชุดนี้เล่มนี้ไม่ใช่เล่มแรกที่คุณควรจะหยิบมาอ่านอย่างแน่นอนค่ะ อยากให้เริ่มอ่านตั้งแต่เล่มแรกเรีงมาเลยค่ะตัวละครทุกตัว พล็อตแต่ละคนก็มีปมของแต่ละคนในแง่มุมต่างๆแฝงอยู่ หนังสืออาจจะเล่มหนาเกือบทุกเล่มแต่รับรองว่าจะอ่านได้ไม่เบื่อเลยค่ะสิ่งที่เรฟทำแม้จะเรียกได้ว่าเลวร้ายแต่ไม่ใช่เพื่อตัวเองก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจนะว่าทำไมต้องขายยาเสพติดและสิ่งที่เขารียกตัวเองว่าโสเภณีสิ่งที่เรฟทำอยู่ทั้งหมดก็เพียงเพื่อการที่ปกป้องคนอื่น(สปอยล์)เขายอมที่จะเป็นโสเภณีให้เจ้าหญิงที่เขาเกลียดซึ่งเป็นซิมพาธและเป็นน้องต่างแม่กับเขาเพื่อชวยปกป้องเฮ็กซ์


 และก็ทำให้รู้ว่าทำไมเขาและเฮ็กซ์จึงเป็นมากกว่าเพียงแค่ลูกน้องกับเจ้านาย (สปอยล์)เรฟฆ่าพ่อเลี้ยงของเขา(พ่อของเบลล่า)เพื่อปกป้องแม่ของเขาไม่ให้โดนพ่อเลี้ยงทำร้ายเธอได้อีก
แต่เมื่อถึงเวลาโรแมนติเรฟก็สวีทไม่แพ้ใครนะเล่มนี้พระเอกเอก นางเอกเราจะสวีทผ่านทางโทรศัพท์กันเยอะเชียวบางทียังแอบเขิลตามเลย ฮี่ๆ





วีรสตรีจอมเปิ่น The Famous Heroine - By.....Mary Balogh


- วีรสตรีจอมเปิ่น The Famous Heroine  By.....Mary Balogh 


-  สำนักพิมพ์ แ้ก้วกานต์


- หนังสือแนว historical romance


- ผู้แปล มัณฑุกา


- จำนวนหน้า: 253 หน้า 







ช่วงนี้หลายๆคนก็คงเครียดเหมือนกันใช่ไหมคะ เลยต้องหาหนังสืออ่านแก้เครียด แก้กลุ้มหน่อยแล้ว แต่ช่วงแรกก็อ่านไม่ไปเลยเหมือนกัน จนต้องคิดว่าต้องปล่อยๆวางไปบ้าง แต่พออารมณ์การอ่านกลับมาก็อ่านได้ฉิวเลยค่ะอ่านได้ต่อเนื่องหลายเล่มและมันก็ช่วยให้เราหายเครียดไปได้เยอะเลยล่ะ

สำหรับเล่มนี้เป็นเล่มที่สามในชุด ดาร์คแองเจิลค่ะ ต่อจาก แผนรักเทพบุตร และ เจ้าสาวของท่านลอร์ด เป็นเรื่องของ ฟรานซิสเพื่อนของพระเอกเล่มแรก และในเล่มสองก็มีบทบาทมากพอควรค่ะ ส่วนตัวแล้วเล่มนี้อ่านได้เพลินๆดีค่ะชอบเลยล่ะ พล็อตเรื่องน่ารัก นางเอกเปิ่นๆฮาๆเท่าที่อ่านมาสี่เล่มของ แมรี่ บาร็อก คาแร็คเตอร์พระเอกนางเอกของเธอมักจะรักกันโดยๆไม่รู้ตัวกันนะ แบบกว่าจะรู้ตัวว่ารักกันนี่ก็คิดว่าตัวเองยังรักอีกคนนึงอยู่เรื่อยมาแตรที่จริงรักคนใกล้ตัวนี่แหละแต่ยังไม่รู้สึก อิ อิ

หลังจากการช่วยชีวิตของเด็กน้อยเฮนรี่หลานของดัชเชสแหงบริดจ์วอเตอร์จากการจมน้ำ ทำให้ดัชเชสซาบซึ้งในการช่วยเหลือของคอร่า จึงได้รับเธอเข้ามาเป็นเด็กในปกครองและต้องการหาสามีให้เพื่อตอบแทนในการที่เธอเป็นวีรสตรีครั้งนี้ ดัชเชสบริดจ์วอเตอร์ก็คือแม่ของดยุคแห่งบริดจ์วอเตอร์เพื่อนของคาริว(ที่ออกมามีบทบาทในเล่มสองค่ะ) และการเข้าสังคมครั้งแรกของคอร่า ดาวนส์ ซึ่งมันไม่ง่ายเลยเมื่อเธอเป็นแค่ลูกพ่อค้าธรรมดาที่ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ในวงสังคมและท่านดัชเชสต้องการจะยกระดับให้เธอเป็นสุภาพสตรีชั้นสูงจนกว่าจะหาสามีได้! แต่การออกงานครั้งแรกของคอร่าก็มีปัญหาซะแล้วเพราะการสะดุดขาของเธอเองและคนที่มาช่วยไม่ให้คอร่าต้องลงไปนอนกับพื้นก็คือผุ้ชายที่แต่งตัวจัดซะเหลือเกินภายหลังจากการแนะนำของท่านดยุคบริดจ์วอเตอร์ว่าคนที่ช่วยเธอคือลอร์ด ฟรานซิส เนลเลอร์คอร่าก็รู้ทันทีว่าขาช่างไม่เหมือนใครจริงๆ อิ อิ

ฟรานซิส ถูกดยุคไหว้วานให้เต้นรำกับคอร่าในคืนแรกของการเปิดตัวเพื่อที่จะทำให้คอร่าถูกจับตามอง และปิดตัวสู่สังคมได้สำเร็จ  ทันทีที่ฟรานซิสได้ฟังวีรกรรมและช่วยเธอไว้จาการสะดุดพื้นเขาก็รู้ทันทีว่าการได้รู้จักกับมิส คอร่า ดาวนส์ คงทำให้ชีวิตเขาสนุกสนานขึ้นอย่างแน่นอน และเขาพบว่าตั้งแต่ได้แนะนำให้รู้จักกับมิส คอร่า ดาวนส์ เธอได้ทำให้เขาหัวเราะแบบหลุดโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่เขาก็บอกตัวเองว่าเขาจะเป็นพี่เลี้ยงให้จนกว่าคอร่าจะมีผู้ชายดีๆซักคนมาขอแต่งงานสำหรับคอร่าเองธอพบว่าการที่ได้พูดคุยแบบเปิดเผยกับลอร์ดฟรานซิสทำให้ธอสบายใจยิ่งนัก เวลาอยู่กับฟรานซิสเธอสามารถคุยกับเขาได้ทุกเรื่องและคิดว่าเขาช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆแต่ใช่ว่าคอร่าจะชอบเขาหรอกนะก็เพราะเขาคือเพื่อนที่สนิท แต่......มันฮาตรงที่คอร่าเข้าใจผิดไปใหญ่โตจากการที่เห็นฟรนซิสแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาดทำให้เธอคิดว่าเขาเป็นเกย์นี่แหละ 5555+ แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น

เพราะมันก็ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นมาทำให้ทั้งสองคนได้แต่งงานกันอยู่แล้วใช่ไหมการขอแต่งงานของฟรานซิสทำเพื่อไม่ให้คอร่าตกอยู่ในวงของข่าวลือและเรื่องอื้อฉาวและคอร่าเองพอทราบรื่องเธอไม่คิดจะตอบตกลงด้วยซ้ำและเธอตั้งใจที่จะปฏิเสธคำขอแต่งงานครั้งนี้แต่...เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงตอบตกลง!ช่วงนี้พระเอกนางเอกเราก็ยังเส้นผมบังภูเขากันอยู่เลย ฟรานซิสก็คิดเสมอว่าขายังรักแซมอยู่และไม่อาจตัดใจได้ ส่วนคอร่าก็คิดว่าไม่ได้รักฟรานซิสเพราะเขาเป็นเพื่อน(และเธอคิดเอาเอง)ว่าเขาเป็นเกย์ที่ขอแต่งงานเพราะมันเป็นภาระและหน้าที่ๆต้องทำแค่นั้น

และหลังจากที่ทั้งฟรานซิสและคอร่าตอบรับคำเชิญของเก๊บให้มาพักที่คฤหาสน์ในยอร์คเชียร์และที่นี่ก็ทำให้เธอรู้ว่าผู้หญิงที่ฟรานซิสเคยรักเธออยู่ที่นี่และเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบในแบบที่คอร่าไม่สามารถเป็นได้ขอบอกว่าอ่านถึงตรงนี้แล้วเข้าใจคอร่าเลยนะ อิ อิ และหลังจากนี้มีแอบซึ้งไปกับคอร่าด้วยอ่ะอาจจะอินในบางช่วงเป็นพิเศษด้วยยิ่งพอตอนสองคนเปิดอกเปิดใจ(อันนี้เปิดจริงๆนะ ฮี่ๆ)คุยกันและต่างก็รู้ว่าต่างฝ่ายต่างรักกัน(เพียงแต่ไม่รู้ตัว)แล้วชอบอ่ะ แต่ฮามากตอนนางเอกสารภาพที่คิดว่าเขาเป็นเกย์พระเอกมานยังขำเลยน่ะแล้วเราจะไม่ขำเร้อออออ

เล่มนี้สำนวนแปลโอเคนะคะ เพียงแต่จะมีบางคำที่เวลาอ่านแล้วแปลกๆไปบ้างเลยทำให้ชะงักไปเพราะอ่านคำนี้หรือประโยคนี้เราต้องมานั่งนึกคำแปลของคำน่ะค่ะว่าหมายถึงอะไร และส่วนตัวคิดว่าบางคำบางประโยคมันเป็นคำไท๊ย ไทย ไปนิดนึงเลยแอบคิดว่าแม้จะเป็นแนวย้อนยุคก็ไม่ต้องแปลให้เป็นคำที่ย้อนยุคตามทั้งหมดก็ได้ หรือบางทีใช้คำที่มันเข้าใจความหมายง่ายๆไม่เวิ้นเว้อคิดตามมากมายอาจจะทำให้หนังสือสนุกขึ้นนะคะ ขอยกตัวอย่างบางคำก็แล้วกันค่ะเช่น – "รสนิยมวิไล,อุปัทวการณ์ ,เพริศพริ้ง" ส่วนตัวคิดว่าคำเหล่านี้มันประดิษฐ์ไปสำหรับนิยายโรมานซ์อ่ะค่ะแต่รับรองว่าเรื่องนี้สนุก น่ารัก อ่านไปยิ้มไปในความซุ่มซ่ามเล็กๆของนางเอกแน่นอน เล่มต่อไปเป็นเล่มของดยุคบริดจ์แล้วอยากรู้จริงๆจะเป็นไง





แรงริษยา The Bride - By..... Julie Grawood


-  แรงริษยา The Bride - By..... Julie Grawood

- สำนักพิมพ์ แก้วกานต์

- หนังสือแนว historical romance

- ผู้แปล พิชญา

- จำนวนหน้า 583 หน้า





วันก่อนหยิบเล่มนี้มาอ่านค่ะ แรงริษยา ของจูลีย์ การ์วูด เพราะมีเพื่อนมาบิ๊วให้ฟังว่าชอบมากและหนังเล่มนี้ก็เอามาดองไว้นานมากๆเช่นกันพอได้ฟังนางบิ๊วก็เลยตัดสินใจหยิบมาอ่านซะทีและพอได้อ่านปุ๊บก็ทำให้เสียดายมากว่าทำไมเราไม่รีบหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านให้ไวกว่านี้นะเพราะมันสนุกมากค่ะ(สำหรับเรา)อ่านแล้วมันโดนใจพล็อตน่ารักเป็นเล่มที่เราคิดว่าจูลี่ย์เขียนได้ดีมากๆค่ะ แต่ที่ทำให้อ่านได้สนุกนอกจากพล็อตแล้ว คาแร็คเตอร์ของพระเอกนี่แหละมันยิ่งทำให้เรากรี๊ดดดดนัก อเล็ค คินเคด เป็นพระเอกที่อ่านแล้วโดนจายยยยยยย(มาก) อิ อิ ไม่รู้คนอื่นสนุกหรือไม่สนุกแต่เล่มนี้เราเริ่มอ่านตอนเกือบตีหนึ่งยิงยาวไปจนถึงหกโมงเช้าของอีกวันค่ะเรียกว่าอ่านได้มาราธอนมากกกก อ่านแล้วบอกตรงๆว่าไม่อยากคืนหนังสือให้เพื่อนเลยอยากเก็บเอาไว้เป็นของตัวเอง กร๊ากกกกกก แต่เธอไม่ยอมให้ตามคำขอ ฮ่าๆๆๆๆ ก็คงต้องรอให้ สนพ พิมพ์ใหม่แล้วกันเนอะ

เมื่อบารอนเจมิสันได้รับบัญชาจากกษัตริย์ให้ลูกสาวของเขาต้องแต่งงานกับนักรบชาวไฮแลนด์ผู้ที่ทุกๆคนเชื่อว่าเขาผู้นั้นคือคนที่โหดร้ายป่าเถื่อนและเป็นฆาตรกรในการฆ่าเมียของเขาในอดีตแต่การแต่งงานครั้งนี้เขาจะให้ลูกสาวคนเล็กของเขาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไม่ได้เพราะถ้าขาดจามี่เขาก็ไม่มีคนดูแล(ก็คือพ่อกลัวลำบากเวลาลูกไม่อยู่ด้วยนั่นแร่ะ)

สิ่งเดียวที่บารอนเจมิสันคิดแผนได้ก็คือเขาจะต้องซ่อนตัวจามีไว้และกันจามี่ออกไปให้ห่างในช่วงที่ชายชาวสก็อตมาคัดเลือกตัวเจ้าสาวที่นี่ แต่หัวหน้าคนเลี้ยงม้าของเจมิสันที่รักจามีเหมือนลูกสาวแท้ๆของเขากลับเห็นว่าการที่จามี่ต้องแต่งงานกับคนสก็อตอาจจะดีกว่าที่ต้องคอยอยู่รับใช้พ่อที่เห็นแก่ตัวของเธอ(บารอนเจมิสันเป็นพ่อเลี้ยงนางเอกค่ะ)และทันที่ที่หัวหน้าคนเลี้ยงม้าได้พบกับ นักรบจากสก็อตแลนด์อย่าง อเล็ค คินเคด เขาก็รู้ทันทีว่าผุ้ชายคนนี้แหละที่จะทำให้จามี่มีความสุขและเป็นอิสระเขาต้องหาทางบอกผุ้ชายคนนั้นว่าบารอนเจมิสันยังมีลูกสาวอีกคนที่ถูกซ่อนตัวอยู่

อเล็ค คินเคด คิดว่าเขาอยากกลับบ้านของเขานักหลังจากที่เขาต้องทำตามพระประสงค์ของกษัตริย์เอ็ดการ์ในการที่เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงอังกฤษเพื่อพันธะสัญญาที่แน่นแฟ้นของสองประเทศและเขาจะรีบๆทำภาระกิจนี้ให้เสร็จๆซะทีอเล็คตั้งใจไว้ว่าเขาจะแค่เลือกเจ้าสาวและทำพิธีแต่งงานและออกจากอังกฤษให้เร็วที่สุด หลังจากหัวหน้าคนเลี้ยงม้าได้เห็นอเล็ค คินเคดเขาก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้แหละที่จะปกป้องดูแลจามี่ได้อย่างแน่นอนและเขาจะต้องทำให้ชาวสก็อตคนนี้เลือกจามี่ให้เป็นเจ้าสาวของเขาให้ได้

 และแน่นอนว่าอเล็คหลังจากที่เขาได้พบจามีเพียงครั้งแรกเขาก็ตัดสินใจได้ว่าเธอนั่นแหละที่เขาจะเลือกมาเป็นเจ้าสาวและหลังจากแต่งงานอเล็คพบว่าสำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องยากที่จะไม่หลงเสน่ห์ผู้หญิงอังกฤษคนนี้เธอกำลังทำให้จิตใจของเขาไม่สงบแต่เขาจะไม่มีวันให้เธอมามีอิทธิพลเหนือจิตใจเขาเป็นอันขาดแต่น่นอนใช่ไหมว่าพระเอกจะทนเสน่ห์ของนางเอกอย่างจามี่ได้นานซักเท่าไหร่กันเชียวเพราะแค่อยู่ห่างกันไม่กี่ชั่วโมงอเล็คก็ใจจะขาดแล้ว ฮิ้ววววว และแถมยังทึ่งมากขึ้นไปอีกเมื่อจามี่ทำให้ทุกๆคนในความปกครองของอเล็คยอมรับในตัวจามี่ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาเขาเลย

แต่มันจะมีแต่ความสุขอย่างเดียวก็ไม่ได้ใช่ไหมเมื่ออันตรายถึงชีวิตกำลังใกล้จามี่เข้ามาทุกที เรื่องถึงตรงนี้ไม่ซับซ้อนมากมายอะไรค่ะ แต่เรากลับใจจดใจจ่ออยากรู้ว่าเป็นใครเหมือนกันและขอบอกว่าเราแอบเดาผิดด้วยล่ะ อิ อิ จริงๆคนที่เคยอ่านอาจเดาถูกทางนะแต่เราคิดเยอะค่ะเลยเดาผิดไปนิดนุง กรั๊กๆๆเรื่องนี้ชอบทั้งพระเอก – นางเอกค่ะนางเอกไม่ง่าวงี่เง่าน่าเบื่อดีอ่ะ ส่วนพระเอกไม่ต้องพุดถึงเราหลงเสน่ห์อเล็ค คินเคด เข้าให้แล้ววววว  

เป็นผู้ชายสก็อตที่แบบว่าโดนใจอ่ะ อิ อิ แต่ตอนอ่านที่จะไม่ค่อยชอบคือพี่สาวนางเอกค่ะแต่ก็เข้าใจได้แหละว่านางเอกถูกเลี้ยงมาให้คอยช่วยเหลือปกป้องพี่น้องทุกคนปัญหาทุกอย่างในบ้านจามี่จัดการได้หมดมีพี่สาวเหมือนเป็นน้องสาวมากกว่าแต่นางเอกก็สมควรแหละเก่ง ฉลาด  มันเลยไม่น่าเบื่อเวลาเราอ่านนะ ยิ่งเวลาอเล็คกับจามี่อยู่ด้วยกันทีไรมันกิ๊บกิ้วมากกกก กร๊ากกกกกกก น่ารักอะ!!








วิวาห์ลวง Married to the Viscount - By.....Sabrina Jeffries


- วิวาห์ลวง Married to the Viscount - By.....Sabrina Jeffries


- สำนักพิมพ์ ภัทรา(เกรซ)


- หนังสือแนว historical romance


- ผู้แปล พิชญา 


- จำนวนหน้า 624 หน้า







วิวาห์ลวงเป็นเล่มสุดท้ายในชุดแล้วค่ะ(วิวาห์สลับรัก)(รักนี้มิอาจกั้น)(สุดแค้นแสนรัก))(ระบำมายา)เล่มนี้เป็นเรื่องของลอร์ดราเวนวู้ดหัวหน้าของมอร์แกนในเล่มระบำมายาเล่มนี้ก็จะคล้ายๆเล่มที่ผ่านมาล่ะค่ะคือพระเอกไม่รู้ใจตัวเองเป้นพวกดื้อดึงและปากแข็งในความรู้สึกจนกลายเป็นนิสัยซะแระแต่ตรงนี้แร่ะที่เวลาอยู่กับนางเอกแล้วมัน่ารักอ่ะนะเล่มนี้นางเอกเป็นอเมริกันด้วยเลยทำให้นางเอกกล้าคิด กล้าพูดดี แบบคิดยังไงก็พูดออกมาส่วนพระเอกอายุก็ไม่น้อยค่ะ 37 แล้วแต่ไม่ยอมแต่งงานเพราะมีอดีตฝังใจเลยทำแต่งานเพื่อบ้านเมืองเพื่ออังกฤษหลังจากการเสียชีวิตของพ่อแอ๊บบี้ก็ได้เดินทางจากอเมริกามายังลอนดอนเพื่อพบกับสามีที่แต่งงานผ่านตัวแทนของเขาในอเมริกาก่อนที่พ่อของเธอจะเสียชีวิตแต่หลังจากที่ได้พบกับสามีของเธอแล้วแอ๊บบี้กลับพบว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องแต่งงานที่ว่านี้เลยและคนที่จัดการและวางแผนเรื่องทุกอย่างนี้ขึ้นมาก็คือน้องชายของสามีเธอเองและตอนนี้น้องชายของเขาก็หายตัวไปพร้อมทั้งสินสมรสและสมบัติทั้งหมดที่แอ๊บบี้เคยมีและคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอกำลังคิดว่าแอ๊บบี้คือนักล่าสมบัติที่ยอมแต่งงานเพื่อเงิน

สเปนเซอร์ ลอว์ ไวท์เคาสน์แห่งราเวนวู้ด จะแก้ปัญหาในเรื่องที่น้องชายเขาก่อไว้ได้อย่างไรเมื่อมีผู้หญิงมาแสดงตัวว่าเขาคือสามีของเธอ พร้อมทั้ง จดหมายปลอม ทะเบียนสมรส และเงินสินเดิมที่หายไปพร้อมกับน้องชายของเขาซ้ำร้ายผู้หญิงที่มาแสดงตัวว่าเป็นภรรยาของเขาคือคนที่เขาเฝ้าฝันถึงมาตลอดและสเปนเซอร์ก็ไม่อาจจะส่งเธอกลับไปอเมริกาได้เมื่อทั้งสินเดิมและสมบัติของเธอถูกน้องชายเขาขโมยไปทางเดียวที่จะจัดการเรื่องนี้ได้ก็คือต้องตามหาตัวน้องชายตัวดีของเขาให้เจอและเพื่อป้องกันเรื่องอื้อฉาวต่างๆที่จะตามมาในระหว่างนี้สเปนเซอร์ต้องขอให้แอ๊บบี้แสดงตัวเป็นภรรยาของเขาไปจนกว่าจะหาตัวน้องชายเขาให้พบเพื่อแลกกับสินเดิมที่เขาจะคืนให้ทั้งหมดหลังจากนั้นแต่ข้อแม้ระหว่างที่แอ๊บบี้แสดงเป็นภรรยากำมะลอของเขานั่นก็คือภรรยากำมะลอจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของสเปนเซอร์โดยสิ้นเชิงและจะไม่มีการร่วมเตียงกันเป็นอันขาด

แต่เหมือนจะเป็นเรื่องยากทุกทีเมสื่อผู้หญิงที่เขาเห้นเพียงครั้งแรกในอเมริกาคือสิ่งที่ดึงดุดใจเขาที่สุดและเขาพบว่าเขาไม่สามารถจะเก็บมือให้ห่างจากแอ๊บบี้ได้เลยแต่เมื่อเขาใช้นักสืบในการแกะรอยของน้องชายในการเจอตัวมากเท่าไหร่เวลาของเขากับแอ๊บบี้ในการเป็นสามี ภรรยากำมะลอก็ยิ่งสั้นลงเท่านั้นและสเปนเซอร์ก็พบว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้แอ๊บบี้กลับไปอเมริกาได้อย่างที่เขาเคยต้องการได้แต่เขาต้องการให้แอ๊บบี้กลายมาเป็นภรรยาของเขาจริงๆแต่สิ่งที่รบกวนจิตใจของเขามานานและเป็นเหตุให้เขาไม่ยอมแต่งงานคือ(สปอยล์)เขาไม่สามารถมีลูกได้เพราะเขาเป็นหมันจากบาดแผลที่ยังหลงเหลืออยู่จากอดีตที่ผ่านมาสเปนเซอร์รู้ดีว่าหลังจากเรื่องทั้งหมดจบลงเขาจะต้องอย่าขาดจากแอ๊บบี้เพื่อให้อิสระกับเธอและแอ๊บบี้ต้องการกลับไปยังอเมริกาแต่แน่นอนว่าพระเอกอย่างสเปนเซอร์คงไม่ยอมให้แอ๊บบี้จากไปง่ายๆแน่ๆ








ระบำมายา Dance Of Seduction - By.....Sabrina Jeffries


- ระบำมายา Dance Of Seduction - By.....Sabrina Jeffries 


- สำนักพิมพ์ ภัทรา(เกรซ)


- หนังสือแนว historical romance


- ผู้แปล กัญชลิกา


- จำนวนหน้า 624 หน้า







เล่มนี้เป็นเล่มที่สี่ในชุดแล้วค่ะอ่านมาสี่เล่มะ(วิวาห์สลับรัก)(รักนี้มิอาจกั้น)(สุดแค้นแสนรัก)คนแปลไม่ซ้ำกันเลยเชียวแต่อ่านแล้วต้องย้ำอีกทีว่าส่วนตัวแล้วชอบงานของซาบริน่าจังเลยค่ะ อิ อิ เล่มนี้เป็นเล่มของ มอร์แกน ไพร์ ฝาแฝดของเซบาสเตียนในเล่มที่แล้วค่ะ หลังจากที่มอร์แกน ไพร์หรือชื่อจริงของเขาคือ มอร์แกน เบล็คลี่ย์ กัปตันแห่งกองทัพเรือของอังกฤษและในฐานะของสายลับที่ทำงานให้กับทางการเขาได้รับมอบหมายให้มาปฏิบัติหน้าที่บางอย่างในเมืองที่มีทั้งความแออัด และอาชญากรอย่างสปิทอลฟิลล์


เพื่อพยายามเข้ามาพัวพันกับบุคคลที่ทางการต้องการตัวอย่างบุคคลที่มีนามว่าจอมปีศาจการที่เขาต้องทำตัวเป็นชายลึกลับและเปิดร้านเพื่อรับซื้อของเถื่อนผิดกฎหมายเพื่อเป็นฉากบังหน้าในการปฏิบัติหน้าที่ของเขาเท่านั้นเอง และมอร์แกนรู้ว่าปัญหาใหญ่หลวงของเขากำลังจะตามมาเพราะร้านของของเขาบังเอิญอยู่ใกล้กับสถานสงเคาระห์ของเลดี้คลาร่า สแตนเบิร์น ที่รับอุปการเด็กที่ในอดีตเด็กเหล่านี้คือนักล้วงตามท้องถนน!

หลังจากที่คลาร่ารู้ว่าเพื่อนบ้านคนใหม่ของเธอที่อยู่ห่างไปไม่กี่ช่วงตึกกำลังทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายและเหตุนี้คลาร่าจึงจำเป็นต้องให้เขาย้ายออกไปจากตึกหลังนั้นให้เร็วที่สุดเพราะเธอไม่ต้องการให้เด็กที่เธอกำลังดูแลกลับไปในวงจรที่ไม่ดีของการเป็นนักล้วงแบบในอดีตการมีร้านของเพื่อนบ้านเธอนั้นมันล่อตาล่อใจเด็กๆจนเกินไปและคลาร่าก็จะทำทุกทางเพื่อให้ผู้ชายที่ลึกลับและเขายอมออกไปจากที่นี่ให้ได้แต่ดูเหมือนว่าหลังจากที่คลาร่าได้พบกับผู้ชายอย่างมอร์แกนแล้วความคิดที่เธอพยายามที่จะกันเด็กๆออกห่างจากเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากและแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่สามารถที่จะอยู่ห่างจากมอร์แกนได้เลยและแถมยังให้เขาล่อลวงโดยความร่วมมือจากตัวเธอเองอีกด้วย


ต้องบอกว่าตอนอ่านเล่มนี้ช่วงแรกๆสำหรับอินมันเรื่อยๆเฉื่อยๆไปหน่อยค่ะช่วงแรกอาจจะอืดๆนิดนึงแต่พอหลังจากอ่านๆไปความสัมพันธ์ของพระเอก – นางเอกเริ่มพัฒนาขึ้นมาก็เริ่มอ่านได้ฉิวแล้วค่ะพอสปีดการอ่านเริ่มเข้าที่ก็อ่านทำให้อ่านได้สนุกขึ้นนะอ่านเพลินไปเลยค่ะ ในเรื่องจะมีอย่ประโยคนึงที่นางเอกพูดกับพระเอกหลังจากที่มอร์แกนพยายามจะหนีจากอดีตในใจที่เขาเคยมีและนางเอกพูดว่า”แม้แต่เรือลำหนึ่งก็กลายเป็นคุกได้ ถ้าสิ่งที่เราเห็นอยู่รอบๆคือลูกกรง” พออ่านแล้วก็อืมจริงแหะ !!สำหรับเล่มหน้าเป็นเล่มสุดท้ายในชุดแล้วพระเอกเล่มหน้าเราชอบคาแร็คเตอร์เขาพอสมควรเลยค่ะเดี๋ยวต้องรีบจัดซะเลย







สุดแค้น แสนรัก After the abduction - By.....Sabrina Jeffries


- สุดแค้น แสนรัก After the abduction  By.....Sabrina Jeffries


- สำนักพิมพ์ ภัทรา(เกรซ)


- หนังสือแนว historical romance


- ผู้แปล อธีนา


- จำนวนหน้า 622 หน้า






สุดค้นแสนรักเล่มนี้เป็นเล่มที่สามในชุดค่ะ เป็นเรื่องของ จูเลียต ลาเวอร์ลิคน้องสาวคนเล็กในพี่น้องสามคนแห่งสวอนปาร์ค เนื้อหาต่อเนื่องมาจากเล่มที่แล้วนะคะ(วิวาห์สลับรัก)(รักนี้มิอาจกั้น)ที่เฮเลน่าและแดเนียลออกตามหาจูเลียต ซึ่งถูกผู้ชายไร้ศีลธรรมลักพาตัวไปเมื่อสองปีก่อนแต่จูเลียตไม่ได้รับรู้เลยว่าผู้ชายที่เธอไว้วางใจกำลังหลอกล่อเธอและทำให้ตัดสินใจที่จะหนีออกจากบ้านและตามเขาไปด้วยความหวังเต็มหัวใจว่ามอร์แกน ไพร์ผู้ชายที่เธอคิดว่าตัวเองเขารักเธอจริงๆนั้นกลับหลอกลวงและทำให้จูเลียตไว้วางใจพร้อมกับหลอกล่อให้เธอตามเขามานั้นแท้จริงก็แค่เพียงเป็นแค่เกมส์ๆหนึ่งที่เขาร่วมมือกับพวกลักลอบค้าของเถื่อนเพื่อที่จะแบล็คเมย์ กริฟฟ์ ไนตันพี่เขยของจูเลียตเท่านั้น

แต่หลังจากนั้นเขากลับไม่ยอมส่งตัวจูเลียตให้คนบงการอยู่เบื้องหลังและยังช่วยจูเลียตให้กลับไปหาครอบครัวแล้วเขาก็จากไปพร้อมกับทิ้งร่องรอยของรอยจูบแห่งความทรงจำที่จูเลียตไม่สามารถที่จะลืมได้สองปีต่อมาจูเลียตก็บอกตัวเองว่าจะต้องนำตัวเขามาชดใช้ความผิดนี้ให้ได้หลังจากที่เธอต้องเจอกับข่าวลือในเรื่องที่จูเลียตเคยถูกลักพาตัวไปขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ จูเลียตและครอบครัวต้องออกเดินทางไปยังคฤหาสน์ชาร์นวูดของมอร์แกน ไพร์ ผู้ชายที่เคยลักพาตัวจูเลียตไปเมื่อสองปีก่อน

แต่ที่นี่กลับพบเพียง เซบาสเตียน บารอนแห่ง ชาร์นวูด ซึ่งอ้างว่าพี่ชายฝาแฝดของเขาแทน!แต่จูเลียตรู้ว่าเขาคนนี้คือผู้ชายคนเดียวกับที่หลอกล่อและลักพาตัวเธอไปอย่างแน่นอนแต่แน่นอนเซบาสเตียนไม่ยอมรับว่าเขาคือคนที่จูเลียตตามหาและจูเลียตก็บอกตัวเองว่าในเมื่อเขาไม่ยอมรับเธอเองนี่แหละจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือคนที่เธอไม่สามารถลืมได้

เซบาสเตียน ลอร์ดเทมเพอร์มอร์  ไม่สามารถเปิดเผยตัวเองได้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือผู้ชายคนที่จูเลีตตามหา และการปรากฏตัวอีกครั้งของเธอกำลังทำให้ทุกอย่างยุ่งยากขึ้นสำหรับเขา หลังจากเมื่อสองปีที่ก่อนเซบาสเตียนต้องปลอมตัวเป็นมอร์แกน ไพร์ น้องชายฝาแฝดของเขาเข้าไปปะปนกับพวกลักลบค้าของเถื่อนและลักพาตัวผุ้หญิงคนนี้ไปและก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่เป็นคนช่วยให้เธอรอดพ้นจากพวกค้าของเถื่อนพวกนั้นทั้งๆที่เขาเป็นคนหลอกล่อให้เธอตามเขาไปแท้ๆ และตอนนี้เธอมาอยู่บ้านมาอยู่ที่บ้านของเขาพร้อมกับความลับที่เซบาสเตียนไม่อยากให้ใครรู้เพราะจะทำให้การตามหาตัวน้องชายฝาแฝดของเขาที่หายสาปสูญไปต้องมีอุปสรคอย่างแน่นอน แต่ผู้หญิงที่ในอดีตเขาเคยคิดว่าไร้เดียงสา

แต่มาตอนนี้เธอกลับเป็นผู้หญิงเต็มตัวที่ไม่เชื่อซักนิดว่าเขาเป็นคนละคนกับที่หลอกล่อเธอและหาทางพิสูจน์ว่าเธอจำเขาได้ไม่ผิดคนแน่ๆและแน่นอนว่าหลังจากนั้นเซบาสเตียนก็ยอมสารภาพเรื่องที่เขาปลอมตัวเป็นมอร์แกนในตอนนั้นเพราะเขาต้องหารสืบหาความจริงเรื่องน้องชายและเขาไม่เคยรู้ว่าหลังจากที่เขาส่งจูเลียตคืนครอบครัวแล้วนั้นจูเลียตต้องเผชิญกับข่าวลือและเรื่องอื้อฉาวมากมายหลังจากการหายตัวไป และตอนนี้ข่าวลือนั้นก็กำลังกลับมาอีกครั้งแต่เขาก็ยังปล่อยให้เธอเผชิญกับเรื่องร้ายกาจนี้เพียงรำพังอีกครั้ง

แต่ใช่ว่าเซบาสเตียนจะทำเฉยกับเรื่องนี้และปล่อยให้นางเอกเราต้องทนกับสถานการณ์นี้แบบไม่ทำอะไรเลยหรอกนะเพราะเซบาสเตียนเป็นคนจัดการให้ตัวการที่ปล่อยข่าวลือนี้แบบไอ่คนที่ปล่อยข่าวกลัวหัวหดเชียวล่ะ แต่ก็อย่างที่บอกไปตอนแรกค่ะว่าเล่มนี้พล็อตออกจะอืดๆเนิบๆหน่อยอ่านไปก็แอบเบื่อบางช่วงบางตอนเลยเหมือนกันจริงๆเล่มนี้ก็สนุกนะคะเพียงแต่อาจจะสนุกน้อยกว่าเล่มอื่นๆเท่านั้นเองแต่ก็ยังชอบอยู่ และก็ไม่ได้ทำให้เราเบื่องานของ ซาบริน่า เจฟฟรีย์ อย่างแน่นอนค่ะแต่กลับทำให้ตามเก็บงานเก่าๆของเธอ(ที่เคยแปล)มาเก็บไว้ให้ได้มากที่สุดๆ คงต้องบอกว่า ซาบริน่า จะเป็นนักเขียนในดวงใจอีกหนึ่งคนอย่างแน่นอนค่ะเพราะพล็อตและสไตล์การเขียนของเธอเราชอบแฮะ อิ อิ











รักนี้มิอาจกั้น A Notorious Love - By.....Sabrina Jeffries


- รักนี้มิอาจกั้น A Notorious Love - By.....Sabrina Jeffries 


- สำนักพิมพ์ ภัทรา(เกรซ)


- หนังสือแนว historical romance


- ผู้แปล ภาพรรณ


- จำนวนหน้า 540 หน้า









เล่มนี้เป็นเล่มสองในชุด THE SWANLEA SPINSTER SERIES  ต่อจากวิวาห์สลับรัก
นั่นเองค่ะเล่มนี้เป็นเล่มของ เฮเลน่า ลาเวอร์ริค พี่สาวคนโต ซึ่งนางเอกของเราคนนี้ร่างกายไม่สมบูรณ์คือขาพิการแต่ไม่ได้พิการมาแต่กำเนิดนะคะ พิการเพราะเฮเลน่าเคยป่วยด้วยโรคร้ายซึ่งในตอนนั้นหมอไม่รับประกันว่าเธอจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่เฮเลน่าก็สู้จนเดินได้อีกครั้งแม้จะไม่สมบูรณ์ทั้งสองข้างโดยต้องใช้ไม้เท้าช่วยแต่ความไม่สมบูรณ์ทางร่างกายก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นเลดี้ผุ้สูงศักดิ์ของเธอลดลงเลย เฮเลน่า ยังคงเข้มงวดและยึดถือกฏเกณฑ์ต่างๆที่สุภาพสตรีดีๆพึงกระทำ


และเมื่อสุภาพสตรีผู้ที่เคยอยู่ในกฏเข้มงวดอย่างเฮเลน่าต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนที่เคยร่วมมือกับน้องเขยของเธอหลอกลวงเธอและพี่น้องมาแล้วครั้งนึงและเธอรู้ดีว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่มาหาเขาถึงห้องพักเพียงคนเดียวในขณะที่เขาไม่ได้รู้เรื่องเลย แต่เธอมีเรื่องเร่งด่วนแบบที่รอต่อไปอีกไม่ได้และเขาเป็นเพียงคนเดียวที่จะช่วยเธอได้นั่นก็คือ แดเนียล เบรนเนน อดีตนักค้าของเถื่อนและอดีตที่ปรึกษาทางธุรกิจของกริฟฟินธ์น้องเขยของเฮเลน่านั่นเอง ตอนนี้เฮเลน่าต้องแหวกกฏอันเข้มงวดของสุภาพสตรีที่ดีเพราะเธอตอนนี้ต้องพึ่งพาเขาเพื่อช่วยตามหาจูเลียตน้องสาวของเธอถูกลักพาตัวจากบ้านไป โดยผู้ชายที่เข้ามาตีสนิทและหลอกลวงให้จูเลียตไว้ใจ


แต่การเดินทางกับสุภาพสตรีที่ยังไม่แต่งงานเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่งแดเนียลจึงเสนอทางเลือกให้เฮเลน่าคือเธอกับเขาต้องสวมบทเป็นสามีภรรยากันเพื่อง่ายแก่การเดินทาง หรือ เฮเลน่าต้องรออยูที่บ้านเพื่อรอฟังข่าวจากเขาเท่านั้น และแน่นอนว่าต้องเป็นทางเลือกแรกแล้วอยู่แล้ว อิ อิ!!แต่ข้อแม้ของแดเนียลก็คือเฮเลน่าต้องเชื่อฟังเขาทุกอย่างโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่แดเนียลพบว่าการเดินทางกับเลดี้ผู้มีกฏเข้มงวดอย่างเฮเลน่าช่างเป้นไปไม่ได้เลยที่ผู้หญิงคนนี้จะทำตามคำสั่งเขาได้ง่ายๆ และการสืบหาร่องรอยของจูเลียตและชายคนที่ลักพาตัวเธอมาก็ทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่การลักพาตัวแบบธรรมดาซะแล้ว เมื่อคนบงการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือคนที่แดเนียลรู้จักอย่างดีเสียด้วย


ยิ่งการเดินทางใกล้ชิดกับแดเนียลมากเท่าไหร่เฮเลน่าก็รู้สึกว่าตัวเองช่างเปิดเผยตัวตนของตัวเองกับเขามากขึ้นไปทุกทีและลืมไปได้เลยสำหรับกฏอันเข้มงวดของสุภาพสตรีต่างๆที่เธอเคยท่องจำจนขึ้นใจแต่ตอนนี้กฏเกณฑ์ต่างๆไม่สามารถใช้ได้เลยเมื่อเธออยู่กับแดเนียล เบรนเนน กำแพงที่เธอเคยสร้างขึ้นมาเกี่ยวกับสภาพร่างกายที่ไม่สมบูร์แบบของตัวเองในอดีตเมื่ออยู่กับแดเนียลเขาไม่เคยมองเธอด้วยความสงสาร หรือ สมเพช เหมือนที่ผู้ชายคนอื่นมอง และแดเนียลเองก้ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องแคร์ผู้หญิงที่คอยเชือดเฉือนเขาด้วยคำพูดตลอดเวลาผู้หญิงที่ไม่ชิงชังอดีตพ่อค้าของเถื่อนและลูกของโจรทางหลวงอันโหดร้ายแดเนียลพบว่าตัวเองคงบ้าไปแล้วแน่ที่เขาหลงรักผู้หญิงช่างเข้มงวดอย่างเฮเลน่าเข้าให้แล้ว


หลังจากอ่านไปก็ยังไม่เข้าใจจูเลียตเท่าไหร่นะว่าทำไมจะต้องหนีตามเขามาแค่เพียงเขาบอกว่ารักแค่นี้เร้ออคิดน้อยได้อีกอ่ะ แต่ก้เข้าใจแหละว่ามันคือรักแรกของจูเลียตซึ่งหลายๆอย่างอาจจะไปเฉลยในเล่มของจูเลียตเองมั้งแต่เท่าที่ได้ฟังจากคนที่ได้อ่านแล้วบอกว่าเล่มนี้น่าเบื่อพอควร แต่เดี๋ยวเอาไว้อ่านเล่มนั้นจบแล้วมาเม้าท์อีกทีค่ะ ส่วนเล่มนี้ถือว่าโอเคค่ะ แม้จะมีบางช่วงอืดๆบ้างและแรงจูงใจของตัวบงการที่ลักพาตัวมันดูไม่ค่อยคล้อยตามเท่าไหร่แต่ความโรมานซ์ของ พระเอก – นางเอก ถือว่าโอเคค่ะทำให้ลืมไปเลยว่านางเอกเราขาพิการน่ะ หลายฉากก็ขำในความกล้าของนางเอกแบบไม่กลัวอะไรเลย แบบนี้จะให้เราคิดว่าเธอขาพิการได้ยังไงในเมื่อเธอกล้ามาก ฮ่าๆๆๆ





Hot Night - By…..Shannon Mckenna







หลังจากได้อ่านงานของแชนน่อนไปหลายเล่มแล้วจริงๆเราก็สมัครเป็นแฟนหนังสือเธอไปตั้งแต่เล่มแรกแล้ว จนมาถึงเล่มนี้ Hot Night(ชื่อไทย ราตรีระเริงไฟ)หลังจากที่ สนพ แปลงานของเธอในชุดแม็คคลาวน์ออกมาทิ้งระยะห่างไปหน่อยน่ะ แต่มีเล่มนี้ออกมาขั้นบ้างก็หายคิดถึงงานของเธอไปเยอะเลยค่ะ สำหรับเล่มนี้ของ สนพ นี้ ถือว่าแปลโอเคเลยค่ะไม่เหมือนหลายเล่มที่เคยอ่านบางทีสำนวนแปลชวนปวดตับซะงั้นน่ะแม้ว่าในเล่มจะมีศัพท์บางคำบางประโยคที่อ่านแล้วต้องกลับไปอ่านซ้ำอีกทีว่ามันหมายความว่ายังไงแน่!!สำหรับเล่มนี้ก็เป็นงานสไตล์ของแชนน่อนที่น่าติดตามเหมือนเดิมแม้ความหนาของหนังสือจะหนาถึงสี่ร้อยกว่าหน้าก็อ่านเพลินไปเลยค่ะ แม้ว่าแอบขัดใจนิดหน่อยตรงคนร้ายและเหตุผลในเรื่องที่คนร้ายทำขึ้นมาก็เหอะตัวร้ายในเล่มนี้จะเปิดตัวตั้งแต่ต้นๆเลยค่ะรู้ว่าคนร้ายเป็นใครมีแผนอะไรอยู่


หลังจากนัดบอด แอ๊บบี้ เมตแลนด์ โดยการจัดการของเพื่อนร่วมงานที่ไม่เข้าท่าอย่างแรงแอ๊บบี้ต้องการหนีให้ห่างจากคู่เดตที่ขี้เมาของเธอแต่กุญแจบ้านของแอ๊บบี้ตอนนี้ไม่รู้มันอยู่ที่ใดดังนั้นแล้วจึงเธอต้องใช้บริการช่างซ่อมกุญแจให้มาจัดการกับประตูเจ้าปัญหา ด้วยการหากุญแจไม่เจอนี่แหละทำให้คู่เดตของเธอคิดว่าเป็นการให้ท่าในการที่จะชวนเขาเข้าไปในห้องไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าเขาพยายามลวนลามแอ๊บบี้ที่หน้าประตูบ้านนี่แหละ แต่ๆก็มีคนยื่นมาช่วยพอดีก็ช่างกุญแจคนที่แอ๊บบี้โทรเรียกนั่นแหละ แซน ดันแคน เข้ามาได้จังหวะพอดีกับที่เขาเห็นผุ้ชายคนนั้นกำลังใช้กำลังกับคนที่โทรเรียกเขามา หลังจากซัดคู่เดตขี้เมาของแอ๊บบี้จนหมอบแล้วก็จัดการกับประตูให้เรียบร้อยแหละแต่ค่าจ้างที่แซมต้องการนั้นไม่ใช่เงินแต่ต้องการแค่เพียงจูบเดียวจากเธอคนนี้เท่านั้น!


หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนสนิทของแอ๊บบี้ก็ถูกฆาตรกรรมโดยที่ทุกคนเชื่อว่านั่นคือการฆ่าตัวตายมีเพียงแอ๊บบี้เท่านั้นที่เชื่อว่าเพื่อนของเธอถูกฆาตรกรรมโดยคนรักของเพื่อนเธอเองคนรักที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้าเพราะเขาได้ห้ามไม่ให้เพื่อนของแอ๊บบี้บอกใครทั้งสิ้นแต่เพื่อนของแอ๊บบี้ก็เล่าให้ฟังและหลังจากที่เพื่อนของเธอจ้างนักสืบสืบค้นเกี่ยวกับแฟนของตัวเองจึงได้รู้ว่าเขาใช้ชื่อและข้อมูลปลอมและในขณะที่เพื่อนเธอโดนฆาตรกรรมโดยไม่มีใครเชื่อว่านี่ไม่ใช่การฆ่าตัวตายแม้แต่ตำรวจก็เชื่อว่านี่คือการฆ่าตัวตายหลังจากฆาตกรปกปิดร่องรอยต่างๆได้ดีเยี่ยมเหตุนี้แอ๊บบี้จึงต้องสืบหาสาเหตุการตายของเพื่อนสนิทเธอเองโดยที่รู้ดีว่ามาร์คแฟนหนุ่มผู้ที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้าของเพื่อนเธอต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน การสืบหาเบาะแสการตายของเพื่อนทำให้แอ๊บบี้มีข้อมูลมากขึ้นและกำลังนำพาเข้าไปสู่ตัวของฆาตรกรโดยได้รับการช่วยเหลือจากแซนช่างทำกุญแจของเธอนั่นเอง


และในระหว่างนี้การสือบหาหลักฐานดำเนินไปท่ามกลางเกมส์อันตรายที่อาจหมายถึงชีวิตของทั้งคู่ด้วยการตกเป็นเหยื่อของฆาตรกรที่ยังลอยนวลอยู่ การหาหลักฐานมัดตัวฆาตกรก็มีเรื่องต้องให้ยุ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อทองและสมบัติของโจรสลัดที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่แอ๊บบี้ทำงานอยู่โดนโจรกรรมและหลักฐานก็บ่งบอกว่าคนที่เข้าไปโจรกรรมคือแซนช่างกุญแจที่คอยช่วยเธอมาตลอดและแอ๊บบี้คือคนที่ติดร่างแหในครั้งนี้ในข้อหาร่วมมือในการโจรกรรม!!เรื่องนี้บอกตรงๆนะว่ารำคาญตำรวจในเรื่องมากกกกๆๆไม่มีการสืบ ค้น หา เบาะแสอะไรเกี่ยวกับผู้ตายทั้งนั้นอ่านไปก็ขัดใจไปแถมยังทำตัวได้กวงเตรงสุดๆนางเอกในเรื่องยังเก่งกว่าตำรวจอีกหาทั้งหลักฐาน ทั้งเบาะแสเองพอโทรไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจยังโดนตอกหน้ากลับมาอีกหาว่านางเอกบ้าและคิดไปเอง ธ่ออออออออ






เจ้าสาวของท่านลอร์ด (Lord Carew’s Bride) - By…..Mary Balogh


- เจ้าสาวของท่านลอร์ด (Lord Carew’s Bride) - By…..Mary Balogh


-  สำนักพิมพ์ แ้ก้วกานต์


- หนังสือแนว historical romance


- ผู้แปล มัณฑุกา


- จำนวนหน้า: 256 หน้า 







ขอบคุณเครดิตภาพจากแก้วกานต์ค่ะ

ได้อ่านเล่มนี้สมใจแล้วค่ะหลังจากรอมาหลายวันนะ เล่มนี้เป็นเล่มที่สองในชุดแองเจิลค่ะเล่มแรกคือแผนรักเทพบุตร ต้องบอกว่าอ่านมาสามเล่ม(รวมกำแพงใจ)ชอบเล่มนี้มากกกกๆๆที่สุดเลยค่ะโดยเฉพาะพระเอกนะแม้ในเรื่องจะบรรยายไว้ว่าไม่หล่อและพิการทั้งแขนและขาแต่ขอบอกว่าพี่ค่อดแมนเลยอ่ะ อิ อิ แมนกว่าอิตัวร้ายในเรื่องมากมายแมนจนเราหลงรักลอร์ดคาริวแล้วววววววและต้องบอกว่าเล่มนี้อ่านแล้วเราไม่อึดอัดในความสัมพันธุ์ของพระเอก – นางเอกในเท่าเล่มแรกค่ะ สำหรับเราอ่านเล่มนี้ได้เพลินมาก

หลังจากเมื่อหกปีที่แล้วที่ ซาแมนธา ถูกหักอกจากผู้ชายที่แซมคิดว่าเขารักเธอและเขาหลอกใช้เธอเป็นเครื่องมือในการทำลายระหว่างเขาและเจนนี่ในขณะนั้นและในหกปีที่ผ่านมาแซมปิดกั้นตัวเองจากผู้ชายที่มาขอเธอแต่งงานแทบทุกคนและในขณะที่แซมกำลังพักผ่อนอยู่ที่ชาลโคทกับครอบครัวของเจนนี่นั่นเองแซมก้ได้พบกับสุภาพบุรุษคนหนึ่งที่เขาแนะนำตัวเองกับเธอว่าชื่อ ฮาร์ทลี่ย์ เวด หลังจากที่แซมได้เดินหลงเข้าไปในเขตที่ดินของไฮมัวร์ และแซมได้พบกับเขานักออกแบบสวนของไฮมัวร์เขาบอกเธอว่าอย่างนั้นนะ และการได้คุยกับมิสเตอร์เวดช่างทำให้แซมผ่อนคลายสบายใจเหลือเกินและเธอก็ตั้งตาคอยที่จะมาตามนัดหมายทุกครั้งที่เขาเสนอจะพาเธอเที่ยวให้ทั่วไฮมัวร์ แซมบอกตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยนอกจากมิตรภาพที่งดงามระหว่างเขากับเธอ
แต่การที่แซมต้องเดินทางเข้าไปยังลอนดอนแบบกะทันหันทำให้เธอเจ็บปวดนักเมื่อคิดว่าเธออาจไม่ได้พบกับมิสเตอร์เวดเพื่อนของเธออีกเลยการอยู่ในลอนดอนไม่สามารถทำให้เธอเลิกคิดถึงไฮมัวร์และเพื่อนของเธอได้เลยและตอนนี้คนที่เคยหักอกเธอเขากลับมาแล้วและเขากำลังขอให้แซมยกโทษให้เรื่องที่เขาเคยทำผิดต่อเธอในอดีตและแซมก็รู้ว่าตลอดเวลาหกปีที่เขาจากไปนั้นเธอไม่เคยลืมเขาแต่เรื่องแบบนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นอีกเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาอีกต่อไปแม้ว่าไลโอเนลจะกำลังเล่นเกมส์แบบไหนแซมจะไม่มีวันหลงกลเขาอีกแล้วบอกแล้วว่านางเอกคิดได้แม้ว่าแซมจะไม่แน่ใจในความรู้สึกที่เคยมีให้ไลโอเนลและอาจสับสนไปบ้างว่าเขาสำนึกผิดได้จริงๆหรือนี่เป็นแค่เกมส์ๆหนึ่งที่ทำให้ธอไว้ใจ

ฮาร์ทลี่ย์ เวด มาร์ควิสแห่งคาริวตัดสินใจเดินทางเข้าลอนดอนทั้งๆที่เขาไม่ชอบสังคมหรือการออกงานในลอนดอนแต่ตอนนี้เขากำลังจะไปงานเต้นรำเพื่อที่ว่าเขาอาจจะได้เจอกับซาแมนธาผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ไม่มองเขาอย่างรังเกียจในความพิการของเขาและพระเอ๊กพระเอกก็จะขอแอบมองนางเอกอยู่ในที่ๆแซมไม่สามารถมองเห็นเขาได้ขอแค่นี้ก็พอใจแล้วแต่ก็นะมันคงไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิเมื่อคาริวคิว่าเขาต้องหาโอกาสบอกความจริงกับซาแมนธาที่เขายังไม่ได้บอกก็คือเขาคือมาร์ควิสแห่งคาริวในงานเต้นรำนี่เองที่เขาเห็นซาแมนธากำลังเต้นรำกับคนที่ในอดีตทำให้เขากลายเป็นคนพิการเขาคนนั้นนั่นคือไลโอเนลญาติผู้พี่ของคาริวกำลังเต้นรำอยู่กับซาแมนธาและดูเหมือนว่าซาแมนธาถอนสายตาไปจากญาติของเขาไม่ได้เลย

หลังจากคาริวตัดสินใจจะกลับบ้านนั่นเองเขาก็ตัดสินใจจะเผชิญหน้ากับซาแมนธาอีกครั้งเขาอยากรู้ว่าหลังจากที่เธอเจอหน้าเขาในลอนดอนจะเป็นยังไงสรุปนางเอกก็ดีใจจนหน้าบานเลยแถมยังขอให้คาริวจูบซะอีกแน่ะ อิ อิ หลังจากคืนเต้นรำผ่านไปวันถัดมาคาริวก็มาเยี่ยมแซมที่บ้านและตอนนี้เองที่คาริวขอเธอแต่งงานและบอกความจริงว่าเขาคือมาร์ควิสแห่งคาริวและแน่นอนนางเอกตอบตกลงที่จะแต่งงานกับเขาทันทีเช่นกันหลายคนที่รับรู้ข่าวการแต่งงานของทั้งคู่ต่างก็คิดว่านางเอกตกลงแต่งงานเพราะบรรดาศักดิ์และความร่ำรวยของพระเอกแต่จริงๆแล้วที่นางเอกยอมตกลงเพราะรักนั่นแร่ะเพียงแต่ตอนที่ยอมตกลงแต่งงานนั้นเธอยังไม่รู้ใจตัวเองว่ารักคาริวเข้าให้ซะแล้ว
หลังจากแต่งงานแน่นอนว่าทุกคนต่างยินดีกับทั้งคู่แต่คนเดียวที่พยายามวางแผนทำลายคาริวและแซมก็คือไลโอเนลทั้งๆที่เขาพยายามหว่านเสน่ห์ใส่แซมอีกครั้งแต่เธอกลับไม่สนใจและแถมยังไปแต่งงานกับญาติของเขาซึ่งพิการและเทียบกับตัวเขาไม่ได้เลยซักอย่างนี่เองที่ทำให้ไลโอเนลนำเรื่องในอดีตที่แซมกับเขาเคยรักกันและที่แซมยอมแต่งงานกับคาริวก็เพราะอยากหนีจากเขาไม่ใช่เพราะแซมรักคาริวเลยอ่านถึงตอนนี้จากที่เกลียดไลโอเนลอยู่แล้วยิ่งเกลียดเพิ่มขึ้นไปอีกเลวได้ใจจริงๆทั้งเลวและเห็นแก่ตัวมากๆแต่สะใจตอนที่คาริวท้าดวลกับไลโอเนลนั่นแร่ะและสมควรแล้วที่โดนคาริวจัดการซะหมอบราบคาบเลย 

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเราถึงกรี๊ดดดดคาริวนักแถมยังเป็นผุ้ชายที่ไม่หล่อเลยเมื่อเทียบกับไลโอเนลแต่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำทั้งหมดเพื่อนางเอกหรือแม้กระทั่งเพื่อไลโอเนลเองคนที่ทำให้เขาต้องพิการตั้งแต่หกขวบคาริวไม่เคยคิดจะแก้แค้นแต่เลือกที่จะไม่ยอมแพ้กับความพิการของตัวเองจนกลับมาเดินได้อีกครั้ง หลายช่วงที่ได้อ่านในเล่มนี้แล้วทำเอาเราน้ำตาซึมตามคาริวไปเลยอ่ะแบบคำพูดของคาริวมันกินใจมากก(สำหรับเรา)และแม้ในเรื่องคาริวจะพิการแต่เรากลับไม่รู้สึกเลยว่าเขาพิการเล่มนี้อ่านเพลินซะจนลืมไปเลยกับสำนวนแปลที่เคยบอกว่าขัดใจมากในเล่มแรกพอมาในเล่มนี้พล็อตเรื่องทำให้เราจดจ่ออยู่ที่เนื้อหามากกว่าสำนวนแปลอีกค่ะ(อันนี้ไม่ได้เว่อร์เลยน่ะ)อิ อิ ส่วนตัวแล้วชอบเล่มนี้มากๆไม่รู้ว่าหลายๆคนที่ได้อ่านชอบหรือไม่ชอบอย่างไรมาเมาท์กันได้นะคะ






บุรุษรักในฝัน (Man of My Dreams) - By.....Johanna Lindsey







อัพบล็อกคั่นเวลาช่วงกำลังรอ Lord Carew's Bride ส่งมาถึงมือค่ะ ช่วงนี้เป็นอะไรที่ไม่(ค่อย)ได้ควักตังค์ซื้อหนังสือเลยอ่านฟรีอย่างเดียวค่ะ อิ อิ และช่วงนี้อยู่ในโหมดตามอ่านงานเก่าๆที่เรายังไม่เคยอ่านและทำให้รู้ว่าเราพลาดงานดีๆสนุกๆไปหลายเล่มเลยบางเล่มคงไม่มีการพิมพ์ใหม่แล้วแน่ๆเล่มเก่าๆที่ตามหาไม่ได้ก็ได้อ่านสมใจซะทีค่ะ รวมถึงเล่มนี้ด้วย “บุรุษรักในฝัน”ของโจฮันน่า ลินเซย์(เห็นหน้าปกแล้วอาจมีเขิลๆกันบ้างเนอะ อิ อิ) นี่ล่ะซึ่งเป็นอีกเล่มที่หายากมากๆค่ะ ซึ่งพอได้อ่านแล้วถึงกลับกรี๊ดมากกกกกเพราะพล็อตเรื่องน่ารักและโดนใจค่ะโดยเฉพาะเวลาพระเอก – นางเอก ต่อปากต่อคำกันมันน่ารักจริงๆ เป็นอีกเล่มของ โจฮันน่า ที่ชอบมากๆค่ะ


เมแกน เพนเวอร์ธี 


เอมโบรส เซนต์เจมส์ ดยุคแห่งเวิร์ธสตัน ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น เดฟลิน เจฟเฟอรี่ย์ สวมบท คนเพาะพันธุ์ม้ามาอยู่ที่บ้านของสไควร์เพนเวอร์ธี แต่ในขณะที่เขาอยู่ที่นี่ เดฟลิน กลับได้รู้ว่าเมแกน เพนเวอร์ธี ปราถนาที่จะแต่งงานกับดยุคแห่งเวิร์ธสตันซึ่งนั่นก็คือเขาเอง โดยที่ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยเห็นหน้าเขาแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังเอาชื่อของเขามาตั้งเป็นชื่อของม้าด้วยนี่สิ ในฐานะของดยุคเขาต้องพยายามล้มเลิกความตั้งใจของเมแกนที่อยากจะแต่งงานกับเขาให้ได้แต่ในฐานะของเดฟลินคนผสมพันธุ์ม้าเขากลับชอบที่จะอยู่ใกล้ๆเธอ


หลังจากที่เมแกนได้พบกับคนผสมพันธุ์ม้าที่มาใหม่เธอก็รู้ว่าช่างไม่ชอบหน้าเขาเอาซะเลย อ่านไปแล้วชอบมากเวลาสองคนนี้ต่อปากต่อคำกัน แถมพระเอกชอบเรียกนางเอกว่า “เด็กเหลือขอ” อีกต่างหาก ในฐานะคนผสมพันธุ์ม้าเมแกนรักเขา และเขาได้สอนให้เธอรู้จักกับความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถมีใครทำได้มาก่อนแต่มันเกิดขึ้นกับเดฟลินคนเดียวเท่านั้น   แต่หลังจากที่เธอทราบว่าเขาคือ เอมโบรส ดยุคแห่งเวิร์ธสตัน เมแกนจะไม่มีวันให้อภัยเขาง่ายๆเลย เล่มนี้จริงๆมีเล่มต่อนะคะ


 แต่คนที่อ่านแล้วบอกว่าสนุกสู้เล่มนี้ไม่ได้เลยทำให้ช่างใจว่าจะอ่านดีไหม เพราะเราชอบเล่มนี้เข้าไปเต็มๆชอบเดฟลินคนผสมพันธุ์ม้ามากกว่าท่านดยุคซะอีก อิ อิ พออ่านจบแล้วถึงกับต้องรีบเม้าท์กับเพื่อนไม่งั้นมันอึดอัดค่ะ ฮ่าๆๆ ต้องหาคนรับฟังว่าชอบเล่มนี้มากกกกก เป็นงานอีกเล่มของ โจฮันน่า ลินเซย์ ที่ชอบมากๆอีกเล่มนึงเลยค่ะ พล็อตมันน่ารักลงตัวดีนะ แถมปกเล่มแปลกับต้นฉบับยังเป็นปกเดียวกันเราชอบปกเก่าๆแบบนี้นะคลาสสิคดี แต่บางคนอาจจะเขินๆเวลาถือไปอ่านข้างนอก แต่สำหรับเรารุ่นนี้ไม่มีไรต้องอายแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ


เล่มนี้อาจจะเขียนแบบง่วงๆมึนๆ อึนๆ เพราะเล่มนี้อ่านจบมาพักนึงแล้วค่ะ แต่ไม่ได้เขียนทันทีปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานพอควรค่อยมาเขียนเลยเรียบเรียงเหมือน งงๆ แต่จริงๆจำได้ว่าเนื้อเรื่องมันเป็นไงนะเพียงแต่พิมพ์ออกมาแบบละเอียดๆไม่ได้เพราะอินมึนเอง เรียบเรียงไม่ถูก อิ อิ เลยเอาประมาณนี้ไปละกัน และ อีกอย่างอยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มากๆเท่านั้นเองค่า ฮ่าๆๆๆๆใครยังไม่อ่านลองหามาอ่านดูนะคะเล่มนี้ก็ท่านผู้มีอุปการะคุณส่งมาให้ยืมอ่านอีกเช่นกัน จริงๆอยากทำเนียนแล้วเก็บไว้เองนะไม่อยากส่งคืนเลย กร๊ากกก
แต่ขอ(แบบหน้าด้านๆ)แล้วคุณพี่แกไม่ให้ เลยต้องขอเก็บเดฟลินไว้ในใจก็พอ เอิ๊กๆๆ





แผนรักเทพบุตร Dark Angel - By..... Mary Balogh


- แผนรักเทพบุตร Dark Angel - By..... Mary Balogh 

-  สำนักพิมพ์ แ้ก้วกานต์

- หนังสือแนว historical romance

- ผู้แปล มัณฑุกา

- จำนวนหน้า: 275 หน้า 









หลังจากอ่าน กำแพงใจ จบไปก็ต่อด้วยชุด ดาร์คแองเจิล เล่มแรก ทันทีนะอย่าได้รอช้าสำหรับก่อนอ่านชุดนี้ไม่ยอมอ่านรีวิวก่อนเลยนะคะอยากลุ้นเองมากว่าจะเป็นยังไงเล่มนี้เป้นเล่มแรกที่ทาง สนพ ใช้นักแปลใหม่ค่ะส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่ได้ดีมากอ่านๆไปบางทีมีขัดใจบ้าง สำนวนแปลยังไม่โดนใจเท่าไหร่ (และความเห็นตรงกับเพื่อนด้วยว่า)พระเอกจะใช้คำว่า ครับ ครับๆๆ เยอะมากกับนางเอกซึ่งบางทีอ่านแล้วมันรำคาญอ่ะ เลยทำให้ดูเหมือนเวลาอยู่กับนางเอกแล้วมันดูเป็นทางการจังเลย แต่เล่มต่อๆไปอาจจะดีขึ้นกระมังคะ ช่วงแรกๆที่อ่านเราเองรู้สึกยืดเยื้ออาจจะเพราะพล็อตด้วยส่วนนึงและสำนวนแปลด้วยส่วนนึงเลยทำให้เบื่อไปบ้าง

แต่หลังจากที่พยายามลองตั้งใจอ่านจริงๆจังๆกลับพบว่ามันสนุกขึ้นเรื่อยๆแต่อาจจะไม่มากอย่างที่คิดไว้(สำหรับเล่มนี้) แต่พออ่านแล้วไม่สามารถจะหยุดอ่านได้เลย(จริงๆนะ) แต่เล่มนี้ตอนอ่านอารมณ์ร่วมในหนังสือมีมากพอควรบางตอนเล่นเอาน้ำตาเราซึมไปเลย ซึ่งอาจจะเกิดจากความอัดอั้นไปกับพระเอกมั้ง อิ อิ แต่ในเล่มนี้ต้องขอบอกจริงๆว่าเกลียดตัวร้ายมากกกกกกก แถมตัวร้ายในเล่มหน้ายังจะเป็นคนๆเดียวกันอีก ตัวร้ายอ่านแล้วนึกถึงประโยคนี้”ใช้หน้าตาเป็นอาวุธ”แต่เป็นตัวร้ายที่หน้าตาดีไงแถมผู้หญิงก็หลงไหลได้ปลื้มซะขนาดนั้นอีกต่างหาก

หลังจากเมื่อเกือบสองปีที่แล้วมีข่าวลือว่าเขาได้พาภรรยาของพ่อเขาหนีไปพร้อมเด็กในครรภ์เพื่อให้พ้นจากความโกรธเกรี้ยวของพ่อเขา ทั้งจากที่รู้ว่าหล่อนตั้งครรภ์แต่ไม่ใช่กับพ่อของเขา โดยคนที่ทุกคนสงสัยว่าอดีตคู่รักที่เป็นพ่อของเด็กในท้องของแม่เลี้ยงนั่นคือเกเบรียล ฟิชเชอร์ ลูกชายของเขานั่นเอง และในตอนนี้ เกเบรียล ฟิชเชอร์  เอิร์ล แห่งธอร์นฮิลล์ ก็ได้หลับมายังลอนดอนอีกครั้ง หลังจากพ่อเขาได้เสียชีวิตลงและเพื่อแก้แค้นกับคนที่ทำให้แม่เลี้ยงของเขาตั้งครรภ์แล้วไม่แยแสหลังจากแม่เลี้ยงของเขายอมสารภาพว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร?

เจนนิเฟอร์ วินวูด เพิ่งเริ่มการเข้าฤดูออกงานครั้งแรกในลอนดอนตอนอายุยี่สิบนี่เองหลังจากที่คอรบครัวของเธอได้จัดการหมั้นหมายให้เธอกับไวส์เคานท์เคอร์ซี่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากนั้นเจนนี่ก็ฝันถึงเขาเรื่อยมาและเธอรู้ว่าเธอยินดีที่จะแต่งงานกับเขาและยอมรับกับตัวเองว่าได้หลงรักเคอร์ซี่ตลอดมาตั้งแต่ที่ได้เห็นหน้าเขาครั้งแรกแม้ว่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมาเธอและเขาจะได้พบหน้ากันไม่กี่ครั้งก็ตาม!!และตอนนี้เขากำลังขอเธอแต่งงานและเจนนี่ก็ตอบตกลง(อยู่แล้วเส่ะ!)

หลังจากเกบรียลหาทางแก้แค้นผู้ชายที่ทำให้แม่เลี้ยงของเขาท้อง(สปอยล์)ก็คือเคอร์ซี่คู่หมั้นของเจนนี่นั่นแล  เขาอยากให้ผู้ชายคนนั้นเจ็บปวดอย่างที่แม่เลี้ยงเขาเคยเป็นโดยที่เกเบรียลจะไม่รู้สึกรู้สาเลยแม้แต่น้อยและอีกนั่นแหละที่เกเบรียลได้รู้ว่าเคอร์ซี่กำลังหมั้นหมายและจะแต่งงานในอีกไม่ถึงสองเดือนข้างหน้า และเรื่องนี้ก็ทำให้เขาโกรธและขอสาปแช่งให้ชีวิตแต่งงานของทั้งคู่ย่อยยับลง และ เกเบรียล จะใช้หล่อนนี่ล่ะเป็นหมากตัวนึงในการแก้แค้นเคอร์ซี่ให้รู้จักความเจ็บปวดซะบ้างเขาจะทำให้เจนนี่ถอนหมั้นและยกเลิกการแต่งงานกับเคอร์ซี่ให้จงได้

และความคิดที่ว่าเคอร์ซี่จะกลายเป็นตัวตลกช่างยั่วยวนเหลือเกินเขาจะทำให้คู่หมั้นของเคอร์ซี่หันมาสนใจเขาให้ได้แต่แผนการของเกเบรียลไม่ง่ายแบบนั้นแน่ๆเมื่อเคอร์ซี่ก็ใช้แผนซ้อนแผนโดยการหลอกใช้ซาแมนธาญาติของเจนนี่เป็นเครื่องมือ(สปอยล์)เพื่อที่ว่าเขาเองไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับเจนนี่อยู่แล้ว และบอกซาแมนธาว่าเขารักเธอแทนนที่จะเป็นเจนนี่และซาแมนธาเองก็หลงรักเคอร์ซี่เข้าให้แล้วหลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยจะสนใจเขาเลย

หลังๆมาเกเบรียลก็เริ่มสำนึกได้แล้วล่ะว่าการใช้เจนนี่เป็นเครื่องมือแก้แค้นดูจะโหดร้ายกับคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยและ(เจนนี่เป็นคนเดียวที่เชื่อว่าเขาไม่เคยเป็นเหมือนในข่าวลือที่ทุกๆคนต่างบอกให้เจนนี่พยายามอยู่ให้ห่างจากเอิร์ลที่มีชื่อเสียงเสื่อมเสียอย่างเขาแต่เธอบอกว่าเธอเชื่อเขา ว่าเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น)เขาจึงคิดยกเลิกแผนการทั้งหมดแต่เมื่อในงานวันประกาศหมั้นของเคอร์ซี่และเจนนี่ เคอร์ซี่ได้รับจดหมาย(รัก)จากคนรับใช้ในบ้านและแน่นอนว่ามันเป็นข่าวร้ายและที่สำคัญมาจากเกเบรียล เอิร์ลแห่งธอร์นฮิลล์เขียนถึงเจนนี่(สปอยล์)และซึ่งก็คือเหตุผลที่เคอร์ซี่ขอยกเลิกการหมั้นหมายและงานแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นทันที และแน่นอนคนที่ซวยก็คือเกเบรียลนั่นแลแต่จริงๆคนที่คิดแผนชั่วๆนี้ก็คือ(สปอยล์)เคอร์ซี่นั่นแหละที่ไม่อยากแต่งงานกับเจนนี่ตั้งแต่ต้นรวมทั้งคิดแผนตลบหลังเกเบรียลได้อย่างเจ็บแสบที่สุด บอกแล้วว่าไอ่นี่มานเลวมากกกกกกก

และไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ใช่ไหมว่าความเกลียดชังรอบด้านมุ่งไปที่เกเบรียลอยู่แล้วสินางเอกอับอายขายขี้หน้าจากคนในสังคมแถมมิหนำซ้ำยังโดนพ่อใช้ไม้เท้าหวดหลังอีกต่างหากพ่อนางเอกโหดอ่ะแถมจะกร้อนผมนางเอกชนิดที่ติดหนังหัวเลยด้วย แต่เกเบรียลก็แก้ไขสถานการณ์โดยการ(สปอยล์) ขอนางเอกแต่งงานแทนและแม้ว่านางเอกจะไม่เต็มใจก็เถอะแต่เพื่อชื่อเสียงที่ยังมีอยู่น้อยนิดนั่นล่ะสุดท้ายก็ยอมแต่งแต่นางเอกก็ยังรักอดีตคู่หมั้นอยู่นะและเชื่อว่าเขาไม่ผิด คนที่ผิดคือเกเบรียลตรงนี้พอเข้าใจนางเอกได้นะก็รักมาตั้งห้าปีและเกือบจะได้แต่งงานกันอยู่แล้วนางเอกเลยยิ่งโทษพระเอกไปอีกสุดท้ายก็เริ่มคิดได้หลังจากได้อ่านจดหมายจากแม่เลี้ยงของเกเบรียลและเริ่มนึกได้ว่าใครคือคนที่ทำให้แม่เลี้ยงเกเบรียลท้องและไม่รับผิดชอบแถมหายหัวไปอีกต่างหากตอนท้ายๆเราค่อดสงสารพระเอกอ่ะโดยเฉพาะตอนสารภาพรักแล้วเสนอทางเลือกให้นางเอก

และอย่างที่บอกว่าอ่านแล้วเกลียดตัวร้ายมากเพราะเดี๋ยวเล่มหน้ามานก็คัมแบ็คกลับมาแล้วหลังจากที่เล่มนี้เกเบรียลทำให้มานสารภาพออกมาจนได้ว่า(สปอยล์)ไลโอเนลหรือเคอร์ซี่เป็นคนเขียนจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาเองและไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับเจนนี่อยู่แล้ว และที่สำคัญหลอกใช้ซาแมนธาจนหัวปั่นทำให้แซมคิดว่าไลโอเนลรักเธอแทนที่จะเป็นเจนนี่


ตอนหลังนี่ซาแมนธาเองก็ตาสว่างเหมือนกันหลังจากที่มีความหวังว่าไลโอเนลรักเธอจริงๆเหมือนกับที่เธอรักเขาแต่หลังจากรู้ว่าไลโอเนลแค่เพียงหลอกใช้ซาแมนธาเองก็ไปสาระภาพความจริงกับเจนนี่แร่ะเดี๋ยวเล่มหน้าเป็นเล่มแซมแล้วซึ่งทุกคนที่ได้อ่านเล่มนี้แล้วบอกว่าชอบมากกกที่สุดส่วนตัวแอบไปอ่านในบอร์ด กก มาแล้วสองบทและยิ่งกรี๊ดมากเพราะพระเอกไม่สมประกอบอ่ะ(พระเอกขาพิการค่ะ) เรายิ่งชอบพระเอกแนวๆนี้อยู่ยิ่งกรี๊ดเลยแต่ๆๆๆบ้านเราหนังสือยังไม่มาเลยคิดว่าสั่งทางเวบจะเร็วกว่าไหมนี่

อย่างที่(คุณเมย์)เขียนไว้ล่ะค่ะว่าหนังสือในเรื่องความรักไม่ได้ฮอตร้อนแรงอะไรเลย
และเป็นแบบนั้นจริงๆแต่ความสัมพันธ์ ความรู้สึก ของตัวละครกับคำว่ารักแบบไม่รู้ตัวใช่เลยอ่ะแบบนั้นเลยแต่ได้อ่านแล้วกลับทำให้เราหยุดอ่านไม่ได้แม้ว่าจะไม่หวือหวามากนักแต่อารมณ์ร่วมเวลาอ่านเต็มที่มากกกเต็มที่จนเก็บความรู้สึกเกลียดตัวร้ายไว้ไม่ได้ต้องประจาน ฮ่าๆๆๆๆ











กำแพงใจ The Temporary wife - By......Mary Balogh


- กำแพงใจ The Temporary wife -  By......Mary Balogh

- สำนักพิมพ์ แ้ก้วกานต์

- หนังสือแนว historical romance

- ผู้แปล กัญชลิกา

- จำนวนหน้า: 256 หน้า











**เครดิต รูปภาพประกอบจากเวบแก้วกานต์ค่ะ**

กว่าจะได้อ่านงานแปลของ แมรี่ บาร็อค ก็ตามทวงอยู่หลายรอบ อิ อิ กดดัน บก กันมาเรื่อยๆจนในที่สุดก็ออกมาให้อ่านซะที เล่มนี้เป็นเล่มเดี่ยวนะคะ เล่มไม่หนามากอ่านจบไวดี ส่วนนึงที่อ่านได้ไวอาจเป็นเพราะเราอยากอ่านมากๆอยู่แล้วด้วย(นี่ขนาดอ่านไวนะยังตั้งสองวันค่ะ)พอได้มาแล้วก็ไม่มีรอที่จะอ่านเลยแต่ๆๆๆรู้สึกขัดใจบ้างเป็นบางคราว อ่านๆอยู่บางทีก็สะดุดเหมือนกันค่ะ ทำให้เบื่อบ้างเป็นบางช่วง บางตอนน่อ เล่มนี้อินไม่ได้ซื้อเองหรอกค่ะมีพี่ที่น่ารักส่งมาให้อ่าน อิ อิ ขอบคุณมากๆค่ะจริงๆงานของแมรี่ บาร็อค เคยมี สนพ แปลออกมาก่อนหน้านี้ระยะนึงแล้วค่ะชื่อเรื่อง “เมียเก็บดยุค”ลองห มาอ่านกันได้ค่ะ แต่ที่แปลออกมาใหม่ของ กก ออกมาพร้อมกันเลยสามเล่มพอได้อ่านแล้วก็ไม่ผิดหวังเพราะพล็อตน่ารักดี


หลังจาก แอนโทนี่ เอียร์ฮาร์ต มาร์ควิสแห่งสตอนตัน กำลังคิดจะลงประกาศรับสมัครภรรยาในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่การลงประกาศแบบนั้นย่อมเป็นที่รับไม่ได้ในวงสังคม ท่านมาร์ควิสเลยตัดสินใจที่จะปรากศรับสมัครครูพี่เลี้ยงแทน แต่สาเหตุที่แอนโทนี่ต้องการหาภรรยาซักคนไม่ได้อยู่ที่เขาอยากได้ภรรยาแต่….เขาได้รับจดหมายจากดยุคแห่งวิทธิงส์บีซึ่งก็คือพ่อของเขาเองเรียกตัวเขากลับบ้านหลังจากที่แอนโทนี่จากบ้านหลังนั้นมาใช้ชีวิตของเขาเองเมื่อแปดปีที่แล้ว และในจดหมายบอกว่าท่านดยุคป่วยหนักและต้องการให้แอนโทนี่หมั้นหมายและแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อของเขาเลือกให้


แอนโทนี่จึงประกาศรับสมัครหาครูพี่เลี้ยงที่จะยอมทำข้อตกลงกับเขาด้วยการแต่งงานแลกกับเงินเลี้ยงดูปีละหกร้อยปอนด์ที่เขายอมจ่ายกับบทบาทภรรยาของเขาเอง แต่การแต่งงานจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้นผู้หญิงที่เขาต้องการมาสวมบทบาทของภรรยาเขาต้องเป็นหนูเงียบเชียบ ไม่พูดมาก มีมารยาทเจ้าระเบียบไม่ก้าวก่ายเรื่องของเขา และต้องทำตามที่เขาบอกทุกอย่างในระหว่างที่อยู่ที่คฤหาสน์วิทธิงส์บี!!


แชริตี้ ดันเคน ส่งจดหมายมาเพื่อสมัครงานในตำแหน่งครูพี่เลี้ยง แต่เธอกลับได้รับข้อเสนอจากผู้ชายตรงหน้าให้แต่งงานกับเขาพร้อมด้วยเงินเลี้ยงดูอีกก้อนนึงต่อปีที่จะทำให้ชีวิตของเธอกับน้องๆดีขึ้นหลังจากพ่อแม่ตายและข้อเสนอของเขาก็ทำให้แชริตี้ตกลง และหลังจากแต่งงานแล้วเธอจึงรู้นั่นแหละว่าที่เขาต้องการแต่งงานกับผู้หญิงซักคนที่ไม่ร่ำรวย ก็เพียงเพื่อต้องการที่จะยั่วโมโหใครสักคนซึ่งคนนั้นก็คือพ่อของเขาเอง และใช้ตัวเธอเป็นหมากตัวหนึ่งในการเดินเกมส์ของสามีเธอเองการที่แอนโทนี่คิดจะใช้ภรรยาของเขาทำให้พ่อเขาไม่พอใจมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสะใจมากเท่านั้นแต่มันไม่เป็นแบบนั้นเมื่อท่านดยุคชอบภรรยาที่ยากจนของเขาขึ้นมาจริงๆ


และการอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของแอนโทนี่กับพ่อของเขาที่กำลังป่วยหนักแชริตี้ก็รู้ว่าทั้งสองคนยิ่งไม่ชอบหน้ากันเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความเหมือนกันมากเท่านั้น และแอนโทนี่เพิ่งตระหนักว่าหนูเงียบเชียบที่เขาต้องการให้เป็นก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานนั้นกลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิดไว้ซะแล้ว แอนโทนี่ รู้ว่าเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ซะแล้วที่แต่งงานกับแชริตี้เพราะเหมือนว่าตอนนี้เขาจะหลงรักภรรยาชั่วคราวของเขาขึ้นมาจริงๆโดยไม่รู้ตัวเขาได้แต่บอกตัวเองว่าเมื่อเรื่องที่เขาอยากให้เป็นจบลงเขาก็คงไม่ต้องเจอกับภรรยาของเขาอีกแต่เมื่อถึงเวลาที่เธอจากเขาไปจริงๆแอนโทนี่กลับทนไม่ได้ที่จะให้แชริตี้จากเขาไปและเขาก็สัญญากับตัวเองว่าเขาต้องหาภรรยาของเขาให้พบโดยที่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนเพราะเขาไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับภรรยาของเขาเลยแต่แอนโทนี่รู้ว่าถึงอย่างไรเขาต้องหาตัวเธอจนพบ


เรื่องนี้ออกแนวพระเอกปากแข็งนะคือรักแหละแต่กว่าจะพูดออกมมาได้นางเอกก็หายตัวไปแล้วแต่ก็เข้าใจพระเอกนะว่าหลังจากเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาจะได้มีเวลาคุยกับนางเอกแต่นางเอกดั๊นหายตัวไปซะก่อนทิ้งไว้เพียงจดหมายฉบับเดียว ^^! เล่มนี้สำหรับเราอ่านแล้วชอบนะคะแต่ไม่ใช่เล่มที่ชอบที่สุดของ แมรี่ บาร็อคพออ่านได้ค่ะแต่ไม่ได้ชอบ สำหรับเราเพราะเปิดอ่าน dark angel แล้วดันชอบมากอีกแถมชุดนี้มีห้าเล่มและคนที่ได้อ่านแล้วก็บอกว่าสนุกมากซะด้วยสิเพราะงั้นสมกับการรอคอมาเนิ่นนานแน่ๆค่ะ





วิวาห์สลับรัก (A Dangerous Love) - By.....Sabrina Jeffries






อย่างที่บอกว่าช่วงนี้อ่านแนวย้อนยุคได้ไหลลื่นมาก เล่มนี้ก็เช่นกันเป็นเล่มแรกในชุดเล่มแรกนี้จะออกกับทาง สนพ ฟองน้ำ ส่วนอีกสี่เล่มที่เหลือออกกับทางภัทรา(หรือเกรซในปัจจุบัน)เล่มนี้ก็ได้เพื่อนส่งมาให้ยืมอ่านอีกแล้วค่ะ อิ อิ 98% ของหนังสือที่อินอ่านตอนนี้เป็นหนังสือที่เพื่อนๆส่งมาให้ยืมอ่านทั้งนั้นค่ะแทบจะไม่ได้อ่านของตัวเองเลยและยิ่งไปกว่านั้นไม่ค่อยได้เสียตังค์ซื้อหนังสือเท่าไหร่ด้วย อิ อิ เพราะหนังสือที่ท่านผู้มีอุปการคุณส่งมาก็แทบอ่านไม่ทันแล้วค่ะ เยอะจริงๆส่วนเราก็อยากอ่านไปหมดจนเหมือนโลภมากเลยล่ะแฮ่ๆๆๆ


หนังสือชุด THE SWANLEA SPINSTER SERIES ของ ซาบริน่า เจฟฟรีย์ จริงๆอินเคยเห็นอุ๋ม (amuro4ever)รีวิวไว้ค่ะตอนนั้นอ่านรีวิวเสร็จแล้วก็รีบสั่งมาเก็บ(แต่ตอนนั้นไม่ได้ซื้อเล่มแรกค่ะ เพื่อนเลยส่งมาให้ยืมแทน)ไว้เลยเพิ่งจะหยิบมาอ่านเมื่อเร็วๆนี้เองค่ะซึ่งต้องบอกว่าไม่ผิดหวังค่ะส่วนตัวชอบนะคะยิ่งแนวผิดฝาผิดตัวอย่างนี้ฮ่าๆๆเข้าล็อคเป๊ะ


แกรรี่ ไนเจล ในอดีตเขาถูกตราหน้าว่าเป็นไอ้ลูกไม่มีพ่อและลูกชายนอกสมรสจากคนโดยผู้ที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ก็คือ เอิร์ล แห่ง สวอนลีย์ ที่ทำลายชีวิตของเขาและเอิร์ลแห่งสวอนลีย์ก็ได้ขโมยบางอย่างมาจากงานแต่งงานของพ่อ – แม่ เขา และของสิ่งนั้นทำให้เขาต้องเป็นลูกนอกสมรสตลอดมา แต่ตอนนี้แกรี่ได้รับจดหมายเชิญจากท่านเอิร์ล แห่ง สวอนลีย์  ที่ตอนนี้เขาใกล้จะตาย โดยเหตุผลที่ท่านเอิร์ลต้องการคือให้แกรี่สืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อจากเขา แต่ ข้อแม้ก็คือแกรี่ต้องแต่งงานกับลูกสาวของเขาคนใดคนหนึ่ง!!ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าลูกสาวทั้งสามคนของท่านเอิร์ลได้รับฉายาว่าสาวทึนทึกแห่งสวอนลีย์


แต่ก็แน่นอนว่าพระเอกของเราจะยอมง่ายๆซะที่ไหนเหตุนี้แกรี่จึงทำการสลับตัวกับแดเนียลซึ่งก็คือที่ปรึกษาทางธุรกิจของเขา แกรี่ ให้แดเนียลมาสวมรอยเป็นเขา และ พยายามให้แดเนียลดึงดูดความสนใจของลูกสาวทั้งสามคนของเอิร์ลแห่งสวอนลีย์ เพื่อที่ว่าแกรี่เองจะได้มีโอกาสตามหาของบางอย่างที่ในอดีตท่านเอิร์ลขโมยมันมาจากงานแต่งงานของพ่อกับแม่เขา แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้นเมื่อ รีเบคก้า ลูกสาวคนกลางของท่านเอิร์ลเจอหน้าเขาครั้งแรกก็แทบเอาดาบแทงเขาซะแล้ว และหลังจากนั้นรีเบคก้าก็ไม่เคยปล่อยให้แกรี่รอดพ้นสายตาได้เลย


แต่ยิ่งเวลาผ่านไปแกรี่ชักไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เขาพยายามบอกตัวเองว่ารีเบคก้าคนนี้คือผู้หญิงจอมจุ้นน่ารำคาญอีกต่อไปแต่เมื่อเริ่มเขาเริ่มแน่ใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อรีเบคก้าแล้วว่าเขาไม่สามารถมองข้ามหรือทำเป็นไม่สนใจผู้หญิงคนนี้ได้อีกต่อไปเพียงแต่เขาบอกความจริงกับเธอไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาต้องการและตามหาในบ้านของเธอคืออะไรกันแน่ แต่ในขระเดียวกันรีรีเบคก้าก้ตัดสินใจบางอย่างด้วยการไปเจรจาตกลงที่จะแต่งงานกับแกรี่ตัวปลอมที่สวมบทบาทของเขาอยู่ โดยที่เขาไม่รู้จะทำยังไงดีนอกจากสารภาพความจริงทั้งหมดกับเธอเท่านั้นแต่…เขาก็ไม่ได้ทำ


และในที่สุดรีเบคก้าก็ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เขาตามหาว่าสิ่งนั้นคืออะไรและแกรี่เองก็ไม่ยอมทิ้งมันเพื่อความรู้สึกที่มีเพราะงี้รีเบคก้าเลยหนีเข้าลอนดอนซ๊ากว่าที่แกรี่จะรู้ตัวว่ารีเบคก้าหายไปจากการคาดคั้นเอาความจริงกับพี่สาวของรีเบคก้าเขาก็ตามาไม่ทันซะแล้ว แต่แกรี่รู้ว่าเขาต้องหาตัวผุ้หญิงหัวแข็งคนนั้นพบแน่ๆอ่านๆไปนี่ก็นั่งคิดไปด้วยว่าพระเอกส่วนมากนี่มันจะต้องง่าวก่อนทุกครั้งใช่มั้ยกว่าจะคิดได้แหม๊ 
แต่ดีที่แกรี่ไม่งี่เง่าเท่าไหร่ เพียงแต่คิดแบบนักธุรกิจไงเลยคิดเป็นขั้นเป็นตอนไม่ยอมปล่อยวางกับหลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นนั้น จนเมื่อนางเอกหนีไปนั่นแหละถึงได้หายง่าว ฮ่าๆๆๆๆ แต่อ่านจบแล้วชอบค่ะเล่มนี้


ปล.ตอนอ่านเล่มนี้จบ งง ไปสักพักเลยเพราะในเล่มสองนางเอกเล่มหนึ่ง ใช้ชื่อว่า โรซาลิน แต่ในเล่มแรก(เวอร์ชั่นฟองน้ำแปล)ใช้ชื่อว่า รีเบคก้า!!!คนอ่านก็งงสิคร๊าาาา 
สรุปฟองน้ำจัดการเปลี่ยนทั้งชื่อคนแต่ง ชื่อเรื่อง และชื่อตัวละคร ฮึ่มมมๆๆ งงดีมะล่ะทีนี้